เดินหน้าประเทศไทย กระทรวงแรงงาน เพื่อประชาชน

รมว.แรงงาน ร่วมรายการเดินหน้าประเทศไทย โปรโมทการทำงานเพื่อผู้ใช้แรงงาน กำชับ หน่วยงาน  ในสังกัดดูแลประชาชนเต็มที่ เผย ประกันสังคมคืนสิทธิผู้ประกันตนมาตรา 39 และเพิ่มทางเลือกที่ 3 มาตรา 40 แล้ว แจง นำร่องมอบสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ประกันตน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ในการร่วมรายการดังกล่าว

พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เผยการเข้าร่วมรายการเดินหน้าประเทศไทย เพื่อประชาสัมพันธ์การทำงานเพื่อผู้ใช้แรงงานเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2561 ที่สำนักงานประกันสังคมจังหวัดนนทบุรี ว่า กระทรวงแรงงานในฐานะที่ดูแลผู้ใช้แรงงานให้ได้รับความคุ้มครองและส่งเสริมให้แรงงานมีความมั่นคงในการทำงาน มีหลักประกันและมีคุณภาพชีวิตที่ดี  ซึ่งจากการดำเนินงานดังกล่าว    ตนได้กำชับให้หน่วยงานในสังกัดดูแลผู้ใช้แรงงานอย่างเต็มที่ ซึ่งในส่วนของสำนักงานประกันสังคมได้ดำเนินการคืนสภาพผู้ประกันตนมาตรา 39 ที่สิ้นสภาพการเป็นผู้ประกันตนแล้ว มีประมาณ 777,228 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 28 เม.ย.61) ได้กลับเข้าสู่ระบบประกันสังคมอีกครั้ง ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน 2561 – 19 เมษายน 2562 พร้อมกันนี้ยังได้เพิ่มสิทธิประโยชน์ให้แก่ผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ทางเลือกที่ 3 (ใหม่)  ซึ่งมีผลใช้บังคับ เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2561 โดยเพิ่มเงินทดแทนการขาดรายได้ กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย เมื่อนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลตั้งแต่ 1 วันขึ้นไป ในอัตราวันละ 300 บาท ไม่เกิน 90 วันต่อปี และไม่ได้นอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลแต่แพทย์ให้หยุดพักรักษาตัวตั้งแต่ 3 วันขึ้นไป ในอัตราวันละ 200 บาท ไม่เกิน 90 วันต่อปี กรณีตายค่าทำศพ 40,000 บาท กรณีสงเคราะห์บุตร อัตราคนละ 200 บาท ต่อเดือน คราวละ 2 คน กรณีชราภาพ เงินบำเหน็จชราภาพ หากส่งเงินสมทบครบ 180 เดือนจะได้รับเงินเพิ่มจำนวน 10,000 บาท

รมว.แรงงาน กล่าวต่อไปว่า ในโอกาสที่ตนได้ร่วมในรายการเดินหน้าประเทศไทย กระทรวงแรงงาน  ได้นำร่องมอบสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ประกันตนจำนวน 3 ราย คือ นางเครือ โห้ไทย  อายุ 70 ปี ผู้ที่เคยเป็นผู้ประกันตนมาตรา 39 ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 45 จนถึงปัจจุบัน (รวมระยะเวลาเป็นผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบมาตรา 33 จำนวน 10 ปี และมาตรา 39 จำนวน 17 ปี รวม 27 ปี) ที่ป่วยเป็นโรคหลอดเลือดสมอง (อัมพฤกษ์) และเมื่อวันที่ 27 มี.ค. 61 ได้ยื่นขอรับสิทธิประโยชน์กรณีทุพพลภาพกับสำนักงานประกันสังคม โดยแพทย์ได้ประเมินการสูญเสียสมรรถภาพ ร้อยละ 52 ของร่างกาย และคณะอนุกรรมการประกันสังคมจังหวัดนนทบุรี ได้มีมติเมื่อวันที่ 30 พ.ค.61 ให้นางเครือ โห้ไทย เป็นผู้ทุพพลภาพ ตั้งแต่วันที่ 27 มี.ค. 61 มีสิทธิได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้กรณีทุพพลภาพ เดือนละ 2,400 บาทตลอดชีวิต (ครั้งแรกรับตั้งแต่ 27 มี.ค. – 18 มิ.ย. 61 จำนวน 6,240 บาท) พร้อมรับเงินบำเหน็จชราภาพ จำนวน 100,435.72 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 106,675.72 บาท ทั้งนี้ยังมอบสิทธิประโยชน์กรณีสงเคราะห์บุตรให้กับ นางสาวสุวรรณา  สุขสวัสดิ์ ซึ่งเคยเป็นผู้ประกันตนมาตรา 39 แต่ถูกตัดสิทธิการเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 39 เมื่อวันที่  1 ก.พ. 61 เนื่องจากขาดส่งเงินสมทบ 3 เดือนติดต่อกัน (ตั้งแต่เดือนก.พ.-เม.ย.61) และได้มายื่นขอคืนสิทธิเป็นผู้ประกันตนเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 61 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ได้รับสิทธิกรณีสงเคราะห์บุตร เดือนละ 600 บาท ตั้งแต่เดือนมิ.ย.61 นี้ จนบุตรอายุครบ 6 ปีบริบูรณ์ และพร้อมกันนี้ยังมอบสิทธิประโยชน์ทดแทนให้กับทายาทของนางสารี่  แตงโม  ผู้ประกันตนมาตรา 40 ทางเลือก 2 ที่เสียชีวิตเมื่อวันที่ 5 มิ.ย. 61 ที่ผ่านมา โดยผู้ประกันตนที่เสียชีวิตได้ส่งเงินสมทบทั้งหมด 47 งวดๆ ละ 100 บาท เป็นเงิน 4,700 บาท ทั้งนี้ทายาทจะได้รับเงินค่าทำศพ จำนวน 20,000 บาท และได้รับเงินบำเหน็จชราภาพ เป็นเงิน 2,449.52 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 22,449.52 บาท

รมว.แรงงาน กล่าวในตอนท้ายว่า ขอให้ผู้ประกันตนมั่นใจในการดำเนินงานของกระทรวงแรงงาน     ที่มุ่งมั่นทำงานเพื่อพัฒนาสิทธิประโยชน์และประโยชน์สูงสุด ของลูกจ้าง ผู้ประกันตน ให้ได้รับบริการที่ดี และเป็นที่พึ่งของลูกจ้าง ผู้ประกันตนอย่างแท้จริง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 1506 (เจ้าหน้าที่ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง)