
ดร.นพ.สราวุฒิ บุญสุข อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ทำหน้าที่เป็นห้องปฏิบัติการอ้างอิงด้านการแพทย์และสาธารณสุขของประเทศ ให้บริการตรวจวิเคราะห์ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด ซึ่งสามารถนำผลไปใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดีได้อย่างถูกต้องตามหลักวิชาการควบคู่กับการให้บริการสอบเทียบเครื่องวัดแอลกอฮอล์จากลมหายใจ ทั้งนี้เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในความแม่นและความเที่ยงของผลการตรวจวัด พร้อมสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการป้องกันอุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับ
ในกรณีผู้ขับขี่ได้รับบาดเจ็บรุนแรงไม่สามารถเป่าเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์จากลมหายใจ เจ้าหน้าที่จะเก็บตัวอย่างเลือดและส่งตรวจวิเคราะห์มายังกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้แก่ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข หรือศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ตั้งอยู่ทั่วประเทศ ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย พิษณุโลก นครสวรรค์ สระบุรี สมุทรสงคราม ชลบุรี ขอนแก่น อุดรธานี นครราชสีมา อุบลราชธานี สุราษฎร์ธานี สงขลา และตรัง ภายใน 4 ชั่วโมง เพื่อให้ได้ค่าที่ใกล้เคียงกับช่วงเวลาการเกิดอุบัติเหตุมากที่สุด โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จะทำการตรวจวิเคราะห์ด้วยเครื่อง Headspace Gas Chromatograph (HS-GC) ให้ผลที่ถูกต้อง ผ่านการรับรองตามมาตรฐาน ISO 15189 และ ISO/IEC 17025
ดร.นพ.สราวุฒิ กล่าวเสริมว่า สำหรับช่วง 7 วันควบคุมเข้มข้น ระหว่างวันที่ 30 ธันวาคม 2568 – 5 มกราคม 2569 กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จะเร่งรัดการตรวจวิเคราะห์ให้แล้วเสร็จภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งจากสถิติช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ที่ผ่านมา กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้รับตัวอย่างตรวจวิเคราะห์ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดจำนวน 1,352 ราย พบผู้มีปริมาณแอลกอฮอล์เกินกฎหมายกำหนดร้อยละ 44 โดยกลุ่มอายุที่ประสบอุบัติเหตุมากที่สุดคือ 20–29 ปี และพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ รถจักรยานยนต์ รถปิคอัพ และรถเก๋ง ตามลำดับ
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ยืนยันความพร้อมในการสนับสนุนภารกิจด้านความปลอดภัยทางถนนอย่างต่อเนื่อง พร้อมให้ความร่วมมือในการตรวจวิเคราะห์ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด เพื่อช่วยลดการสูญเสียจากอุบัติเหตุ และพร้อมสนับสนุนการดำเนินงานในทุกเทศกาล





