กรมส่งเสริมสหกรณ์สนองนโยบายรัฐบาลเดินหน้าขับเคลื่อนโครงการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพในพื้นที่คทช.ครบวงจร หวังยกระดับรายได้และแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินของเกษตรกรในระยะยาว ภายใต้โครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาลและกระทรวงเกษตรฯ ตั้งเป้าปีงบฯ 69 เพิ่มอีก 138 พื้นที่ ครอบคลุมเกษตรกรกว่า 2,550 ราย

นายนิรันดร์ มูลธิดา อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมสหกรณ์ในฐานะเลขานุการคณะอนุกรรมการส่งเสริมพัฒนาอาชีพและการตลาด ภายใต้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ(คทช.) มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการรวมกลุ่มประชาชนในรูปแบบสหกรณ์หรือกลุ่มเกษตรกร ในพื้นที่ดินของรัฐที่ไม่มีผู้ครอบครองให้ประชาชนใช้ประโยชน์เพื่ออยู่อาศัยและทำกินอย่างเป็นธรรม อาทิ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ พื้นที่ ส.ป.ก. พื้นที่ราชพัสดุ เป็นต้น ตลอดจนการส่งเสริมพัฒนาอาชีพและการตลาดในรูปแบบเศรษฐกิจชุมชนตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง โดยมีเป้าหมายหลักในการพัฒนาคุณภาพชีวิตเกษตรกรให้มีความอยู่ดี กินดี และสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจในชุมชน

ปัจจุบันมีการจัดตั้งสถาบันเกษตรกรในพื้นที่ คทช. แล้วทั้งสิ้น 154 แห่ง แบ่งเป็นกลุ่มเกษตรกร 35 แห่งและสหกรณ์ 119 แห่ง กระจายอยู่ในพื้นที่ประเภทต่าง ๆ ได้แก่ ป่าสงวนแห่งชาติ 105 แห่ง, พื้นที่ปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.) 23 แห่ง, พื้นที่สาธารณประโยชน์ 14 แห่ง, นิคมสร้างตนเอง 7 แห่ง, ที่ราชพัสดุ 3 แห่ง, และ พื้นที่ป่าชายเลน 2 แห่ง ซึ่งการจัดตั้งสถาบันเกษตรกรในลักษณะนี้ช่วยให้เกษตรกรสามารถรวมกลุ่มกันอย่างเป็นระบบ มีช่องทางในการเข้าถึงเงินทุนได้ง่ายขึ้น สำหรับแนวทางการส่งเสริมพัฒนาอาชีพและการตลาดนั้นได้นำกรอบนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้แก่ การพัฒนาอาชีพการเกษตรเพื่อสร้างรายได้ให้เกษตรกรในพื้นที่คทช. รวมถึงการสร้างโอกาสด้านการผลิต การแปรรูป และการตลาดมากำหนดเป็นแผนงาน/โครงการ เพื่อขับเคลื่อนไปสู่การปฏิบัติ และสอดคล้องกับนโยบายกรมส่งเสริมสหกรณ์ ทั้งการส่งเสริมการยกระดับสินค้าเกษตรเพื่อเพิ่มมูลค่า การยกระดับศักยภาพสถาบันเกษตรกรให้มีความเข้มแข็ง ตลอดจนการสนับสนุนให้เข้าถึงแหล่งทุนเพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจการเกษตรอย่างครบวงจร
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ได้ดำเนินงานตามขั้นตอนการบริหารจัดการที่ดินทำกินให้ชุมชน โดยเริ่มจากการกำหนดพื้นที่เป้าหมายทั่วประเทศ ซึ่งปัจจุบันได้กำหนดพื้นที่แล้ว 1,594 พื้นที่ รวม 5,924,671 ไร่ และสามารถ ออกหนังสืออนุญาตให้ประชาชนเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ได้แล้ว 858 พื้นที่รวม 3,444,482 ไร่ ขณะเดียวกันได้มีการจัดคนเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ คทช. แล้วจำนวน 437 พื้นที่ รวม 124,363 แปลง จำนวนผู้ได้รับสิทธิ 99,226 ราย สะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้าในการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินและการสร้าง ความมั่นคงให้แก่ราษฎร
“กรมส่งเสริมสหกรณ์ ในฐานะเลขานุการและอนุกรรมการส่งเสริมพัฒนาอาชีพและการตลาด ได้บูรณาการวางแผน ติดตาม ขับเคลื่อนแผนงาน/โครงการ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานในพื้นที่ คทช.อย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันได้ดำเนินการตามภารกิจ แล้ว 389 พื้นที่ ใน 69 จังหวัด ทำให้มีราษฎรได้รับประโยชน์โดยตรง จำนวน 61,959 ราย ผ่านกิจกรรมส่งเสริมอาชีพที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่”

อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ระบุอีกว่า ในส่วนการอบรมเพื่อเพิ่มทักษะการประกอบอาชีพให้เกษตรกรในปีที่ผ่านมา ได้ดำเนินการรวม 122 พื้นที่ ใน 51 จังหวัด ผ่านสถาบันเกษตรกร จำนวน 67 แห่ง รวมผู้เข้าร่วม 4,639 ราย ครอบคลุม 3 หลักสูตร ได้แก่ หลักสูตรการส่งเสริมพัฒนาอาชีพการเกษตรที่เหมาะสมกับพื้นที่ หลักสูตรการวางแผนระบบการผลิต การตลาดและเสริมทักษะการเป็นผู้ประกอบการ และหลักสูตรการยกระดับสินค้าสู่มาตรฐานเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มแก่ผลผลิต โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้เข้าไปอบรมให้เกษตรกรได้เรียนรู้เกี่ยวกับการจัดทำแผนการผลิตและการตลาด ในสาขาอาชีพต่าง ๆ เช่น การผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ส่งเสริมการปลูกผัก การแปรรูปผลผลิตเกษตร รวมทั้งงานหัตถกรรม เพื่อให้เกษตรกรมีความรู้ครบวงจรตั้งแต่การวางแผนการผลิต การคำนวณต้นทุน การเพิ่มมูลค่าสินค้าไปจนถึงการวางแผนการตลาดและการเชื่อมโยงช่องทางจำหน่าย
นายนิรันดร์ ย้ำด้วยว่าจากการดำเนินงานส่งเสริมและพัฒนาอาชีพในพื้นที่โครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน (คทช.) อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกษตรกรมีอาชีพและรายได้เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ล่าสุดปี 2568 เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นสูงที่สุดเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยเพิ่มร้อยละ 18.01 หรือเฉลี่ยรายละ 5,157.23 บาทต่อคนต่อปี สำหรับในปีงบประมาณ 2569 กรมส่งเสริมสหกรณ์ยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนโครงการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพ เพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินของเกษตรกร ภายใต้โครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล โดยในปีนี้กำหนดพื้นที่เป้าหมายอบรมทั้งสิ้น 138 พื้นที่ ครอบคลุมเกษตรกรกว่า 2,550 ราย โดยแบ่งเป็นพื้นที่ใหม่ จำนวน 50 พื้นที่ และพื้นที่ที่ดำเนินการต่อเนื่องจากปีงบประมาณก่อนหน้า จำนวน 46 พื้นที่ และพื้นที่ดำเนินการต่อเนื่องจากปีงบประมาณ 2567 อีก 42 พื้นที่ พร้อมทั้งยังได้ร่วมบูรณาการกับหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ประโยชน์ในที่ดินรวมกว่า 330 พื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อให้การส่งเสริมพัฒนาอาชีพและการตลาดมีความต่อเนื่องและเกิดผลเป็นรูปธรรมในระดับชุมชน
“การที่จะบรรลุเป้าหมายดังกล่าวจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องสร้างความรู้ความเข้าใจ แนวทางการปฏิบัติงาน ตามโครงการฯ ให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานการส่งเสริมพัฒนาอาชีพและการตลาดไปประยุกต์ใช้ ในการลงพื้นที่แนะนำ ส่งเสริม และจัดอบรมส่งเสริมพัฒนาอาชีพ ตลอดจนการติดตาม ประเมินผล และส่งเสริมให้เกษตรกรสามารถ ใช้ที่ดินที่ได้รับจากภาครัฐ ได้เกิดประโยชน์สูงสุด” อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์กล่าวทิ้งท้าย












