โฆษกกระทรวงสาธารณสุข เผย จ.สระแก้ว มีประชาชนได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบเพิ่ม 5 ราย อยู่ในการดูแลของแพทย์ใกล้ชิด อีก 2 ราย ตกใจ แน่นหน้าอก ให้กลับบ้านได้ รพ.ใน จ.ตราด กลับมาเปิดบริการตามปกติ ส่วนอีก 6 จังหวัด ยังปิดบริการรวม 9 แห่ง ภาพรวมเตียงและเลือดสำรองยังเพียงพอ ขณะที่ศูนย์พักพิงยังเน้นเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรค ปรับปรุงอนามัยสิ่งแวดล้อม ส่วนการคัดกรองสุขภาพจิตประชาชนพร้อมปฐมพยาบาลทางใจ ช่วยกลุ่มเครียดสูงและเสี่ยงทำร้ายตนเอง หมดความเครียดและมีความเสี่ยงลดลง
วันที่ 23 ธันวาคม 2568 นพ.เอกชัย เพียรศรีวัชรา รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขและโฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงการดูแลด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีชายแดนไทย – กัมพูชา ว่า กระทรวงสาธารณสุขยังเฝ้าระวังสถานการณ์ใน 7 จังหวัดอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 ธันวาคมที่ผ่านมา โรงพยาบาลในพื้นที่เสี่ยง จ.ตราด กลับมาเปิดให้บริการได้ 2 แห่ง คือ โรงพยาบาลบ่อไร่ และโรงพยาบาลคลองใหญ่ คงเหลือปิดบริการ 9 แห่ง ได้แก่ รพ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี, รพ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ, รพ.กาบเชิง รพ.พนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา จ.สุรินทร์, รพ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ และ รพ.ตาพระยา รพ.โคกสูง รพ.คลองหาด รพ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ส่วน รพ.สต.กลับมาเปิดบริการได้ตามปกติ 78 แห่ง ยังปิดบริการ 147 แห่ง มีการย้ายผู้ป่วยในเพิ่มขึ้นอีก 76 ราย รวมเป็น 973 ราย ภาพรวมใน 7 จังหวัด ยังมีเตียงผู้ป่วยวิกฤตคงเหลือ 280 เตียง และเตียงผู้ป่วยทั่วไป 5,133 เตียง ส่วนปริมาณเลือดสำรองยังมีเพียงพอ โดยเมื่อวานนี้ (22 ธันวาคม 2568) จ.สระแก้ว มีประชาชนได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบ 7 ราย ในจำนวนนี้ มีบาดแผลจากสะเก็ดระเบิด 5 ราย เป็นผู้ป่วยอาการหนัก 1 ราย อาการปานกลาง 4 ราย อยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ส่วนอีก 2 ราย มีอาการตกใจ แน่นหน้าอก แพทย์ให้ออกจากโรงพยาบาลได้
นพ.เอกชัยกล่าวต่อว่า สำหรับศูนย์พักพิงชั่วคราวลดลงเหลือ 817 จุด มีผู้เข้าพักรวม 160,611 เป็นกลุ่มเปราะบาง 49,563 คน ยังคงเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรคและดูแลอนามัยสิ่งแวดล้อมในศูนย์พักพิงฯ อย่างเข้มข้น โดยเฉพาะโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ เช่น ไข้หวัดใหญ่ โควิด 19 กลุ่มโรคจากการสัมผัส/แมลงสัตว์กัดต่อย และโรคติดเชื้อทางเดินอาหารที่มีปัจจัยเสี่ยงหลักมาจากอาหารที่เตรียมไว้เป็นเวลานานและไม่ได้อุ่นร้อน รวมทั้งน้ำที่ใช้ในการอุปโภคบริโภคที่มีการปนเปื้อน ส่วนการดูแลด้านสุขภาพจิต ยังคงคัดกรองเชิงรุกและให้การดูแลอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยจากการคัดกรองประชาชน 204,420 ราย พบเครียดสูงสะสม 1,495 ราย และเสี่ยงทำร้ายตนเองสะสม 287 ราย ซึ่งหลังจากได้รับการปฐมพยาบาลทางใจและดูแลตามกระบวนการด้านสุขภาพจิตแล้ว พบว่ากลุ่มที่มีความเครียดสูงลดลงเหลือ 379 คน กลุ่มเสี่ยงฆ่าตัวตายลดลงเหลือ 124 คน

