สธ. ร่วมประชุมทวิภาคี ไทย – อินเดีย พร้อมเดินหน้าขยายความร่วมมือ สู่การยกระดับบทบาทด้านการแพทย์แผนดั้งเดิม ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก

กระทรวงสาธารณสุข ร่วมประชุมทวิภาคีไทย–อินเดีย เพื่อขยายความร่วมมือด้านสาธารณสุขและการแพทย์แผนดั้งเดิม พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ งานวิจัย และการพัฒนาหลักสูตรด้านแพทย์แผนไทยและอายุรเวท รวมถึง การพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือระหว่างสถาบัน และ การผลักดันการแพทย์แผนไทยและอายุรเวทเข้าสู่ระบบบริการสุขภาพเพื่อยกระดับบทบาทด้านการแพทย์แผนดั้งเดิมทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก

นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มอบหมายให้ นายอัครนันท์ อริยศรีพงษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย ดร.นพ.พงศธร พอกเพิ่มดี อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก นำคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข เข้าร่วมการประชุม The Second WHO Global Summit on Traditional Medicine (2025) ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย ระหว่างวันที่ 17–19 ธันวาคม 2568

นายอัครนันท์ อริยศรีพงษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ภายในงานได้มีการประชุมทวิภาคีไทย–อินเดีย เพื่อขยายความร่วมมือด้านสาธารณสุขและการแพทย์แผนดั้งเดิม ครอบคลุม 4 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ 1) การจัดทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) ด้านการแพทย์แผนดั้งเดิม 2) การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ งานวิจัย และ การพัฒนาหลักสูตรด้านแพทย์แผนไทยและอายุรเวท 3) การพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือระหว่างสถาบัน และ 4) การผลักดันการแพทย์แผนไทยและอายุรเวทเข้าสู่ระบบบริการสุขภาพ

ทั้งนี้ ไทยและอินเดียต่างเป็นประเทศที่มีจุดแข็งด้านการแพทย์แผนดั้งเดิมและได้รับการยอมรับในระดับสากล การหารือดังกล่าวจึงถือเป็นโอกาสสำคัญในการผสานองค์ความรู้ พัฒนามาตรฐานร่วม เสริมศักยภาพบุคลากร และต่อยอดงานวิจัยให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม นับเป็นอีกก้าวสำคัญของประเทศไทยในการยกระดับบทบาทด้านการแพทย์แผนดั้งเดิมทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก

ทางด้าน ดร.นพ.พงศธร พอกเพิ่มดี อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า ที่ผ่านมา กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก มีความร่วมมือด้านการแพทย์ดั้งเดิมอย่างต่อเนื่องทั้งในกรอบทวิภาคีและ พหุภาคี สำหรับความร่วมมือในกรอบทวิภาคี อาทิ ความร่วมมือทางวิชาการด้านอายุรเวทและการแพทย์แผนไทยกับสถาบันอายุรเวทแห่งชาติของอินเดีย รวมถึงกรมฯ กำลังผลักดันการจัดทำบันทึกความเข้าใจเพื่อส่งเสริมการศึกษา วิจัย และแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านสมุนไพรกับ National Medicinal Plants Board

ในส่วนความร่วมมือพหุภาคี อินเดียมีบทบาทสำคัญในหลายกรอบความร่วมมือ ไม่ว่าจะเป็นกรอบ ASEAN–India ที่มีการจัดประชุมแลกเปลี่ยนบทบาทการแพทย์แผนดั้งเดิมในการรับมือการแพร่ระบาดของโควิด-19 กรอบ BIMSTEC ซึ่งอินเดียเป็นประเทศแกนนำในการขับเคลื่อนแผนงานด้านการแพทย์ดั้งเดิม รวมถึงการวิจัย การพัฒนาหลักสูตร และการคุ้มครองภูมิปัญญาทางการแพทย์ และกรอบความร่วมมือ แม่โขง–คงคา ที่ประเทศไทยได้รับบทบาทเป็นประเทศ ผู้ขับเคลื่อนหลักร่วมกับเมียนมาในสาขาสาธารณสุขและการแพทย์ดั้งเดิม นอกจากนี้ อินเดียยังมีบทบาทโดดเด่นในเวทีองค์การอนามัยโลก (WHO) ด้านการแพทย์แผนดั้งเดิม โดยเป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรมสำคัญหลายครั้ง อาทิ WHO Traditional Medicine Global Summit ครั้งที่ 1 การประชุมเชิงปฏิบัติการด้านมาตรฐานการผลิตยาสมุนไพร และการจัดตั้งศูนย์ WHO Global Center for Traditional Medicine

การเข้าร่วมประชุมครั้งนี้ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการขับเคลื่อนการแพทย์แผนดั้งเดิมให้เป็นส่วนหนึ่งของระบบสุขภาพที่ยั่งยืน และยกระดับความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อประโยชน์ด้านสุขภาพของประชาชนในระดับโลกอย่างต่อเนื่อง