รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และประชาชนในศูนย์พักพิงฯ จ.สระแก้ว ติดตามระบบดูแลสุขภาพกาย – ใจ สุขอนามัยและการป้องกันควบคุมโรค ยึดหลัก “พบเร็ว จ่ายยาเร็ว” สามารถควบคุมโรคได้เร็ว พร้อมจัดหน่วยฟอกไตให้บริการผู้ป่วยตามนัด เตรียมระบบโรงพยาบาลคู่บัดดี้รองรับหากสถานการณ์ยกระดับความรุนแรง

วันที่ 18 ธันวาคม 2568 ที่ จ.สระแก้ว นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย น.ส.จิตศ์ตราฎ์ หมีทองธนกรณ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.สุภโชค เวชภัณฑ์เภสัช หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข และคณะผู้บริหาร ติดตามการดำเนินงานด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีชายแดนไทย – กัมพูชา และเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ โดยนายพัฒนากล่าวว่า จังหวัดสระแก้ว ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา 4 อำเภอ ได้แก่ ตาพระยา โคกสูง อรัญประเทศ และคลองหาด โดยได้ร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ อพยพประชาชนมาอยู่ในศูนย์พักพิงในพื้นที่ปลอดภัย และเปิด “ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ด้านการแพทย์และสาธารณสุข” เพื่อติดตามสถานการณ์ ประสานงาน วางแผนดำเนินงานด้านการแพทย์และสาธารณสุขอย่างใกล้ชิด ปัจจุบันโรงพยาบาลใน จ.สระแก้ว ยังคงปิดให้บริการ 4 แห่ง คือ รพ.ตาพระยา รพ.โคกสูง รพ.คลองหาด และ รพ.อรัญประเทศ โดยย้ายผู้ป่วยในไปยัง โรงพยาบาลในพื้นที่ปลอดภัย (ชั้นใน) 151 ราย ส่วน รพ.จิตเวชสระแก้วราชนครินทร์ เปิดให้บริการเฉพาะแผนกฉุกเฉิน และจัดบริการแผนกผู้ป่วยนอก ณ ศูนย์พักพิง นอกจากนี้ ยังมี รพ.สต.ในพื้นที่เสี่ยงปิดให้บริการอีก 49 แห่ง

นายพัฒนา กล่าวต่อว่า จ.สระแก้วได้เปิดศูนย์พักพิงไว้รองรับประชาชน 46 จุด มีผู้เข้าพักรวม 19,213 ราย ในจำนวนนี้ เป็นกลุ่มเปราะบาง 5,044 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุและเด็กเล็ก และยังเปิดโรงพยาบาลสนามรองรับอีก 1 แห่ง โดยในศูนย์พักพิงและโรงพยาบาลสนามมีบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ร่วมกับบุคลากรหน่วยงานท้องถิ่น อสม.ในพื้นที่ หมุนเวียนเข้าดูแลต่อเนื่อง เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านสุขภาพกาย สุขภาพใจ สุขอนามัย ตรวจสอบคุณภาพน้ำและอาหารให้ได้ตามมาตรฐาน จัดพื้นที่แยกเป็นสัดส่วนในการดูแลผู้ป่วย/กลุ่มเปราะบาง ทำให้สามารถจัดการดูแลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในด้านการป้องกันควบคุมโรค โดยเฉพาะโรคระบบทางเดินอาหารและโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น ไข้หวัดใหญ่ ได้ยึดหลัก “พบเร็ว จ่ายยาเร็ว” ส่งผลให้สามารถควบคุมโรคได้เร็ว
“สถานการณ์เช่นนี้ การดูแลสภาพจิตใจของคนที่เข้าพำนักในศูนย์พักพิงเป็นเรื่องสำคัญ ที่ผ่านมาได้คัดกรองสุขภาพจิตประชาชนในศูนย์พักพิงแล้ว 14,444 ราย พบมีความเครียดสูง 140 ราย มีภาวะเสี่ยงทำร้ายตัวเอง 164 ราย ซึ่งได้ให้การดูแลปฐมพยาบาลทางจิตใจตามกระบวนการทุกราย สำหรับผู้ป่วยโรคไตที่ได้รับผลกระทบจากการอพยพ เจ้าหน้าที่ได้ประสานและจัดหน่วยบริการไว้รองรับและนัดหมายเข้าฟอกไตแล้ว ทั้งนี้ หากจำเป็นต้องยกระดับสถานการณ์ด้านการแพทย์ ได้เตรียมระบบโรงพยาบาลคู่บัดดี้กับโรงพยาบาลในจังหวัดฉะเชิงเทราไว้รองรับตามแผนแล้ว ส่วนชาวกัมพูชาที่ยังพำนักอยู่ในประเทศไทยหากเจ็บป่วย กระทรวงสาธารณสุขยังคงให้บริการตามหลักมนุษยธรรมเป็นลำดับแรก” นายพัฒนากล่าว










