ทส. ประชุมพิจารณาแผนจัดการป่าและลดปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 อย่างยั่งยืน ครั้งที่ 4/2568

วันที่ 16 ธันวาคม 2568 เวลา 13.30 น. ดร.รวีวรรณ ภูริเดช ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มอบหมายให้นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ รองปลัดกระทรวงฯ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพิจารณาแผนการดำเนินการจัดการป่าและการลดปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 อย่างยั่งยืน ครั้งที่ 4/2568 โดยมีคณะกรรมการ ผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม 201 ชั้น 2 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

การประชุมครั้งนี้ รองปลัดกระทรวงฯ ได้เน้นย้ำถึงบทบาทและภารกิจสำคัญของกระทรวงฯ ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและฝุ่นละออง PM2.5 อย่างเป็นระบบและยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับการสร้างการรับรู้และความเข้าใจแก่ประชาชน ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการดูแลรักษาป่าไม้ ตลอดจนขอความร่วมมือจากประชาชนและเครือข่ายป่าชุมชนในการป้องกันไฟป่าและลดปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 เพื่อคุณภาพอากาศที่สะอาดและสิ่งแวดล้อมที่ดีสำหรับคนรุ่นต่อไป

ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบแผนการดำเนินโครงการจัดการป่าชุมชนเพื่อลดปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 อย่างยั่งยืน ในพื้นที่เป้าหมาย จำนวน 12 ป่าชุมชน ใน 2 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประกอบด้วย ป่าชุมชนบ้านทาปลาดุก ป่าชุมชนบ้านทาป่าเปา ป่าชุมชนบ้านขุนตาล ป่าชุมชนบ้านศรีทรายมูล ป่าชุมชนบ้านหน้าสถานี ป่าชุมชนบ้านศาลาแม่ทา ป่าชุมชนบ้านทาร้องเรือ ป่าชุมชนบ้านดอยสารภี ป่าชุมชนบ้านกอลุง ป่าชุมชนบ้านทาดง ป่าชุมชนบ้านสบสะป้วด และป่าชุมชนบ้านผาสุข

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังรับทราบประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ 1/2568 ลงวันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2568 เรื่อง มาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อพัฒนาชุมชนและสังคม เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนและสังคมร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในระดับฐานรากให้มีความเข้มแข็ง สามารถพึ่งพาตนเองได้ รวมถึงการยกระดับสิ่งแวดล้อมผ่านการจัดการป่าเพื่อลดปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 อย่างยั่งยืน ตลอดจนรับทราบผลการดำเนินงานที่ผ่านมาในพื้นที่เป้าหมายป่าชุมชน และรับทราบคำสั่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ 110/2567 ลงวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2567 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาแผนการดำเนินการจัดการป่าและการลดปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 อย่างยั่งยืน เพื่อใช้เป็นกรอบในการขับเคลื่อนการดำเนินงานของกระทรวงฯ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป