สธ. จัดระบบดูแลหญิงตั้งครรภ์ เฝ้าระวังสุขภาพจิต – โรคติดต่อในศูนย์พักพิง 970 แห่ง

โฆษกกระทรวงสาธารณสุข เผย หน่วยบริการสาธารณสุขในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังคงปิดให้บริการเท่าเดิม ได้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลพื้นที่ปลอดภัยรวม 690 ราย ขณะที่ศูนย์พักพิงเปิดเพิ่มขึ้นเป็น 970 จุด ผู้เข้าพักรวม 263,105 คน ได้จัดระบบดูแลหญิงตั้งครรภ์ คัดกรองสุขภาพจิตต่อเนื่องเพื่อดูแลผู้มีความเครียด – เสี่ยงทำร้ายตนเอง พร้อมเข้มเฝ้าระวังควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดต่อ

วันที่ 13 ธันวาคม 2568 นพ.เอกชัย เพียรศรีวัชรา รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขและโฆษกกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังการประชุมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งมี นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุม ว่า ในส่วนของสถานบริการสาธารณสุขที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่เสี่ยง 7 จังหวัด ยังคงปิดโรงพยาบาล 12 แห่ง และ รพ.สต. 205 แห่ง เท่าเดิม มีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยในไปยังโรงพยาบาลในพื้นที่ปลอดภัยเพิ่มขึ้นเป็น 690 ราย ขณะที่ศูนย์พักพิงมีการเปิดเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ปัจจุบันมีทั้งหมด 970 จุด ผู้เข้าพักรวม 263,105 คน เป็นกลุ่มเปราะบาง 68,314 คน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุและเด็กเล็ก 0 – 5 ปี อย่างไรก็ตาม ในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ที่มี 302 ราย ได้จัดให้มีการคัดกรองสุขภาพทุกรายและติดตามตามอายุครรภ์อย่างใกล้ชิด หากพบภาวะเสี่ยงจะส่งต่อโรงพยาบาลทันที เพื่อให้ทั้งแม่และทารกปลอดภัย

นพ.เอกชัยกล่าวต่อว่า การดูแลประชาชนในศูนย์พักพิงขณะนี้ นอกจากการจัดบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุขเพื่อให้ประชาชนได้รับการดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่องแล้ว ยังมุ่งเน้น 2 ส่วนสำคัญ คือ การเฝ้าระวังป้องกัน ควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดต่อต่างๆ เนื่องจากมีประชาชนมาอยู่รวมกันจำนวนมาก โดยเริ่มมีรายงานพบผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ และโรคระบบทางเดินอาหารเพิ่มขึ้นในบางจุด ซึ่งทีมปฏิบัติการสอบสวนควบคุมโรคยังสามารถควบคุมไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดได้ และการดูแลสุขภาพจิต โดยจัดระบบคัดกรองชิงรุกด้วยแบบประเมินมาตรฐาน เพื่อค้นหาผู้ที่มีความเครียดและมีความเสี่ยงทำร้ายตนเอง จากการคัดกรองไปแล้ว 183,104 ราย พบเครียดสูง 1,798 ราย และเสี่ยงทำร้ายตนเอง 252 ราย ทุกรายได้รับการปฐมพยาบาลทางจิตใจ ดูแลตามกระบวนการและติดตามอย่างต่อเนื่องจนกว่าอาการจะดีขึ้น ส่วนบุคลากร เบื้องต้นคัดกรองสุขภาพจิตแล้ว 239 ราย ยังไม่พบมีปัญหา นอกจากนี้ ยังมีแนวทางดูแลเฉพาะกลุ่มเด็ก ผู้สูงอายุ เพื่อป้องกันผลกระทบทางจิตใจระยะยาวด้วย