สทนช. ประชุมหน่วยงานเตรียมรับฝนใต้ 11 – 15 ธ.ค. นี้ ย้ำคาดการณ์ฝน 3 วันล่วงหน้า เพื่อเตรียมอพยพได้ทันทีหากประเมินพบความเสี่ยงสูง

สทนช. หารือหน่วยงานเร่งเตรียมพร้อมรับมือฝนเพิ่มขึ้นในภาคใต้ช่วง 11–15 ธ.ค. เน้นเฝ้าระวัง นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ตรัง ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส หากประเมินพบความเสี่ยงต่อชีวิตและทรัพย์สิน ต้องอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ทันที

วันที่ 8 ธันวาคม 2568 นายไพฑูรย์ เก่งการช่าง รองเลขาธิการ รักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นประธานการประชุมปรึกษาหารือการติดตามสภาพอากาศ สถานการณ์น้ำ และสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิ อาจารย์จากมหาวิทยาลัยในพื้นที่ภาคใต้ที่เกี่ยวข้องกับสาขาด้านน้ำ ผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ณ อาคารจุฑามาศ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยรองเลขาธิการ สทนช. เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ในวันนี้ได้หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลังคาดการณ์ว่า พื้นที่ภาคใต้จะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ในช่วงวันที่ 11 – 15 ธันวาคม 2568 จำเป็นต้องเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป้าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมือง เนื่องจากระบายไม่ทัน และระดับน้ำล้นตลิ่งและท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ บริเวณ จังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ตรัง ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส โดยสำหรับจังหวัดนครศรีธรรมราชและพัทลุง มีแนวโน้มฝนตกประมาณ 100 – 150 มิลลิเมตร ในช่วงวันที่ 11 – 12 ธันวาคม ในส่วนของจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ซึ่งรวมถึงพื้นที่เขตแดนที่ติดกับประเทศมาเลเซีย อาจมีฝนตกหนักช่วงวันที่ 14 – 15 ธันวาคม จะส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำโก-ลก เพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่จังหวัดสงขลา อาจเกิดฝนตกหนักในพื้นที่อำเภอสะเดา ซึ่งในการประชุมในครั้งนี้ได้ให้ความสำคัญอย่างมากในเรื่องการคาดการณ์ฝนล่วงหน้า 3 วันอย่างต่อเนื่อง เพื่อการคาดการณ์การเกิดน้ำท่วมฉับพลัน หากประเมินแล้วพบว่าจะเกิดอุทกภัยในระดับที่มีความเสี่ยงต่อชีวิตและทรัพย์สิน ต้องมีการเตรียมอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ดังกล่าวก่อนทันที โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจะร่วมกันบริหารจัดการในเชิงพื้นที่เพื่อดูแลความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนให้ได้มากที่สุด นอกจากนี้ ได้เน้นย้ำให้มีการบริหารจัดการเขื่อนต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด โดยขณะนี้เขื่อนขนาดใหญ่ ได้แก่ เขื่อนรัชชาประภา จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีปริมาณน้ำ ร้อยละ 80 ของความจุเก็บกัก เขื่อนบางลาง จังหวัดยะลา มีปริมาณน้ำร้อยละ 65 ของความจุเก็บกัก ซึ่งได้มีการเตรียมพร้อมใช้เขื่อนเป็นเครื่องมือในการหน่วงน้ำเพื่อลดผลกระทบในพื้นที่ช่วงเกิดฝนตกหนักอย่างเต็มศักยภาพ

ในส่วนของสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูงได้ส่งผลกระทบให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ เช่น บริเวณปากแม่น้ำแม่กลอง จังหวัดสมุทรสงคราม บริเวณปากแม่น้ำท่าจีน บริเวณถนนพระราม 2 จังหวัดสมุทรสาคร บริเวณแม่น้ำเจ้าพระยา จังหวัดสมุทรปราการ รวมถึงริมฝั่งทะเลในพื้นที่ภาคใต้ เช่น บริเวณจังหวัดสุราษฎร์ธานี ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าสถานการณ์ดังกล่าวเกิดจากอิทธิพลของน้ำทะเลไม่ใช่มวลน้ำจากการระบายน้ำของเขื่อน เนื่องจากเขื่อนทุกแห่งได้ระบายน้ำตามแผนที่วางไว้ พร้อมกันนี้ ได้เน้นย้ำให้มีการปรับการระบายน้ำของเขื่อนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ เพื่อเร่งคลี่คลายระดับน้ำให้กลับสู่ภาวะปกติ โดยคาดว่าระดับน้ำทะเลหนุนจะลดลงภายใน 2–3 วันนี้ ด้านสถานการณ์ภาคกลาง ปัจจุบันเขื่อนเจ้าพระยาได้ปรับลดอัตราการระบายน้ำลงเหลือ 1,100 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวินาที และคาดว่าจะลดลงเหลือ 700 ลบ.ม. ต่อวินาที ในช่วงกลางเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งจะทำให้ปริมาณน้ำในพื้นที่น้ำท่วมขัง รวมถึงทุ่งลุ่มต่ำต่าง ๆ ทยอยลดลงตามลำดับ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากในปีนี้มีปริมาณน้ำในทุ่งลุ่มต่ำเป็นจำนวนมาก จากฝนที่ตกหนักในพื้นที่ตอนบนของประเทศ กรมชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติมเพื่อเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่อย่างเต็มที่ ช่วยให้พี่น้องเกษตรกรสามารถใช้พื้นที่ทำการเกษตรได้โดยเร็วที่สุด