“รมว.พัฒนา” หนุนลดปัญหาอุบัติเหตุทางถนนจาก “หลับใน” เร่งให้รู้เท่าทันอาการเสี่ยง พร้อมผลักดันมาตรการที่ยั่งยืน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดประชุมวิชาการขับเคลื่อนนโยบายระดับชาติ “ง่วงไม่ขับ ชีวิตไม่เสี่ยง” สร้างการรู้เท่าทันอาการเสี่ยงที่ส่งผลต่อสมรรถนะการขับขี่ เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุจากการ “หลับใน” ซึ่งเป็นสาเหตุอันดับ 3 ของอุบัติเหตุทางถนน พร้อมผลักดันให้เกิดมาตรการที่ยั่งยืนตามแผนแม่บทแห่งชาติความปลอดทางถนน ลดอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจาก 26 คนต่อประชากรแสนคน ในปี 2567 ให้เหลือไม่เกิน 12 คนต่อประชากรแสนคน ภายในปี 2570

วันที่ 8 ธันวาคม 2568 ที่ โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพมหานคร นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดการประชุมวิชาการขับเคลื่อนนโยบายระดับชาติ “ง่วงไม่ขับ ชีวิตไม่เสี่ยง” National Road Safety Campaign “Don’t Drive Drowsy” Stay Awake, Stay Alive โดยมี พญ. อายหลัน หลี (Dr. Alian Li) ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.มณเฑียร คณาสวัสดิ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ ประธานกรรมการทุนง่วงอย่าขับ ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ มูลนิธิรามาธิบดี ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข และผู้แทนหน่วยงานต่างๆ ร่วมงาน

นายพัฒนากล่าวว่า การบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนเป็นปัญหาสำคัญในระดับประเทศและระดับโลก โดยในปี 2567 ไทยมีผู้เสียชีวิตทางถนน 17,477 ราย บาดเจ็บกว่า 1.3 ล้านคน ในจำนวนนี้บาดเจ็บสาหัส 228,018 คน ส่งผลให้มีผู้พิการถึง 10,489 คน ก่อให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สิน ส่งผลต่อสังคม เศรษฐกิจ และความมั่นคง เฉพาะมูลค่าความสูญเสียจากผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนในแต่ละปี สูงถึงร้อยละ 6 ของ GDP ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข นอกจากดำเนินบทบาทหลักในการรักษา พัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉินเพื่อช่วยเหลือผู้บาดเจ็บได้ทันท่วงที รวมถึงเพิ่มศักยภาพการรักษาเพื่อเพิ่มอัตราการรอดชีวิตให้มากขึ้น ยังบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการด้านความปลอดภัยทางถนน เช่น การรณรงค์ “ดื่มไม่ขับ” เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุและลดความสูญเสีย ให้ได้ตามเป้าหมายแผนแม่บทแห่งชาติความปลอดทางถนน คือ อัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุไม่เกิน 12 คนต่อประชากรแสนคน ภายในปี 2570 จากในปี 2567 ที่อยู่ที่ 26 คนต่อประชากรแสนคน

นายพัฒนากล่าวต่อว่า “การหลับใน” ถือเป็นสาเหตุอันดับ 3 ของอุบัติเหตุทางถนน รองจากการขับรถเร็วและการตัดหน้ากระชั้นชิด (ข้อมูลจากระบบ PRS : Police Road Safety ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ) โดยปัจจัยสำคัญเกี่ยวข้องกับสุขภาพของผู้ขับขี่ เช่น การอดนอน ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ โรคประจำตัวหรือยา ซึ่งส่งผลต่อสมาธิและการตอบสนอง และทำให้เกิดความรุนแรงสูงกว่าสาเหตุอื่น เนื่องจากทำให้สูญเสียการควบคุมรถโดยสิ้นเชิง ส่งผลให้ผู้ร่วมถนนได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องส่งเสริมให้ประชาชนรู้เท่าทันอาการเสี่ยงและสามารถป้องกันตนเองได้ โดยสร้างความรอบรู้ด้านข้อจำกัด และสมรรถนะทางสุขภาพต่อการขับขี่ รวมถึงผลักดันให้เกิดมาตรการที่ยั่งยืนในการลดอุบัติเหตุจากการหลับใน เนื่องจากปัจจุบันไทยยังไม่มีกฎหมายเฉพาะที่ควบคุมพฤติกรรม “หลับในขณะขับรถ”

ด้าน นพ.มณเฑียรกล่าวว่า การประชุมวิชาการขับเคลื่อนนโยบายระดับชาติ “ง่วงไม่ขับ ชีวิตไม่เสี่ยง” จัดขึ้นเพื่อสร้างความตระหนักรู้และผลักดันนโยบายการป้องกันอุบัติเหตุทางถนนจากปัญหาการหลับในขณะขับขี่ ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บและเสียชีวิต โดยกรมควบคุมโรค ได้รับการสนับสนุนงบประมาณบางส่วนจากองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย เพื่อ Kick-off กิจกรรมการรณรงค์ “ง่วงไม่ขับ” ประกอบด้วย การสร้างความรอบรู้ด้านข้อจำกัดของร่างกายประเด็นความเหนื่อยล้า หลับใน, สมรรถนะทางสุขภาพต่อการขับขี่, การปฏิบัติตัว รวมทั้งเทคโนโลยีในการตรวจรักษา เพื่อจัดการกับปัญหาดังกล่าว