“วรโชติ” แนะนำประชาชนดูแลสุขภาพผิวพรรณในช่วงอากาศหนาวเย็นด้วยสมุนไพรไทย หลังสภาพอากาศในหลายพื้นที่ของประเทศไทยเริ่มหนาวเย็นลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจส่งผลให้ผิวแห้งลอก ระคายเคืองได้ง่ายกว่าปกติ พร้อมชู ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยบำรุงผิว เช่น ครีมอาบน้ำที่มีส่วนผสมของสมุนไพรไทย รวมถึงน้ำมันจากธรรมชาติที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นของผิว เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันงา น้ำมันมะกอก ว่านหางจระเข้ และน้ำผึ้ง เพื่อช่วยฟื้นฟูสุขภาพผิวพรรณ ในช่วงฤดูหนาว
นายวรโชติ สุคนธ์ขจร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ในช่วงอากาศแห้ง และเย็น ผิวหนังมักสูญเสียความชุ่มชื้นเร็วกว่าปกติ ประชาชนสามารถใช้สมุนไพรหรือผลิตภัณฑ์สมุนไพรช่วยฟื้นฟูสุขภาพผิวได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
สำหรับ การดูแลผิวพรรณขั้นพื้นฐาน แนะนำให้เริ่มจากการอาบน้ำด้วยสบู่เหลวหรือครีมอาบน้ำ ที่มีส่วนผสมสมุนไพร เช่น แตงกวา ว่านหางจระเข้ ใบบัวบก มะเขือเทศ และน้ำนมข้าว เพื่อลดการสูญเสียความชุ่มชื้นหลังอาบน้ำ ควรบำรุงผิวด้วยน้ำมันจากธรรมชาติที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น เช่น น้ำมันมะพร้าว ช่วยลดอาการแห้งกร้าน และมีสารต้านอนุมูลอิสระชะลอริ้วรอย น้ำมันงา ฟื้นฟูผิวเสียจากมลภาวะ และ ความหนาวเย็น น้ำมันมะกอก เติมเต็มความชุ่มชื้นล้ำลึก ป้องกันผิวแห้งลอก ว่านหางจระเข้ ปลอบประโลมผิว ลดการระคายเคือง และทำให้ผิวเนียนนุ่ม น้ำผึ้ง ต้านเชื้อแบคทีเรียและให้ความชุ่มชื้น เหมาะสำหรับผสมกับสมุนไพรอื่น เพื่อบำรุงผิวหน้า
ทั้งนี้ มูลค่าตลาดโลกปี 2567 ของสมุนไพร 5 ชนิดดังกล่าวยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ น้ำมันมะกอก 679,590 ล้านบาท น้ำผึ้ง 329,000 ล้านบาท น้ำมันมะพร้าว 220,500 ล้านบาท น้ำมันงา 168,700 ล้านบาท ว่านหางจระเข้ 100,100 ล้านบาท สะท้อนถึงศักยภาพของสมุนไพรดังกล่าว ในการต่อยอด สู่ผลิตภัณฑ์สุขภาพ และขยายตลาดได้ทั้งในและต่างประเทศ
นายวรโชติ เน้นย้ำว่า ในช่วงฤดูหนาวนี้ ขอแนะนำให้ประชาชนดื่มน้ำสมุนไพรอุ่นๆ เพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกาย โดยเฉพาะ “ชาขิง” ซึ่งทำได้ง่ายเพียงนำขิงสดมาต้ม 10 นาที กรอง แล้วเติมน้ำมะนาวหรือน้ำผึ้ง ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและบรรเทาความหนาวเย็น ควรสวมเสื้อผ้าให้เหมาะกับสภาพอากาศ และหากมีอาการผิดปกติทางผิวหนังรุนแรง ควรรีบพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการรักษาที่ถูกต้อง
สำหรับผู้ที่ต้องการข้อมูลด้านการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร สามารถติดต่อสถานบริการสาธารณสุขของรัฐทั่วประเทศ หรือสอบถามโดยตรงที่ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก โทร. 0 2149 5678 รวมถึงช่องทางออนไลน์ Facebook และ LINE : @DTAM