“รมว.ซาบีดา” เผย ครม. ไฟเขียวมาตรการใหญ่ หนุนผู้ผลิตภาพยนตร์ไทย รับสิทธิประโยชน์สูงสุด 30% กระตุ้นเศรษฐกิจสร้างสรรค์ คาดเงินสะพัด 4,600 ล้านบาทต่อปี

นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568 ได้มีมติเห็นชอบมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ไทยในประเทศ เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยให้สามารถแข่งขันได้ในระดับนานาชาติ โดยมอบหมายให้กระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทำหลักเกณฑ์และรายละเอียดให้ครบถ้วนและสอดคล้องตามกรอบที่ ครม. เห็นชอบ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมกล่าวว่า อุตสาหกรรมภาพยนตร์เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ทั้งในด้านรายได้ การจ้างงาน และการส่งออกวัฒนธรรมไทยสู่ตลาดโลก แต่ในช่วงที่ผ่านมา ภาพรวมการผลิตมีแนวโน้มลดลง ขณะที่การแข่งขันจากผู้ผลิตต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว กระทรวงวัฒนธรรมจึงเร่งผลักดันมาตรการสำคัญนี้ เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันและเพิ่มโอกาสให้ภาพยนตร์ไทยก้าวสู่สากล

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวต่อว่า มาตรการดังกล่าวให้เงินสนับสนุนพื้นฐานร้อยละ 15 ของค่าใช้จ่ายการผลิตในประเทศ สำหรับผู้ผลิตภาพยนตร์สัญชาติไทย และมีลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ไทยหรือได้รับอนุญาตให้ใช้สิทธิในการผลิตภาพยนตร์ไทย ที่มีการลงทุนในการผลิตต่อเรื่องตั้งแต่ 15 ล้านบาทขึ้นไป โดยรวมกระบวนการผลิตตั้งแต่ Pre-production, Production และ Post-production แต่ไม่รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านการประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการตลาด ทั้งนี้ ยังสามารถรับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมได้อีกร้อยละ 15 รวมเป็นสูงสุดร้อยละ 30 ต่อโครงการ โดยมีหลักเกณฑ์สำคัญ ได้แก่
1. เนื้อหา (Theme) สร้างสรรค์ตามที่คณะอนุกรรมการกำหนด รับเพิ่ม ร้อยละ 5
2. ทุนสร้างขนาดกลาง–ใหญ่
• ตั้งแต่ 40 ล้านบาท แต่ไม่ถึง 50 ล้านบาท รับเพิ่ม ร้อยละ 2.5
• ตั้งแต่ 50 ล้านบาทขึ้นไป รับเพิ่ม ร้อยละ 5
3. เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ไรือช่องโทรทัศน์ต่างประเทศ อย่างน้อย 4 ประเทศ หรือแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งที่มีการฉายในต่างประเทศไม่น้อยกว่า 4 ประเทศ โดยอย่างน้อย 1 ประเทศต้องอยู่นอกอาเซียน รับเพิ่ม ร้อยละ 5

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาพยนตร์ไทยในความหมายนี้หมายความรวมถึง ภาพยนตร์ ละคร ซีรีย์ แอนิเมชัน และมิวสิควิดีโอ โดยสิทธิประโยชน์ทั้งหมดนี้จะช่วยให้ผู้ผลิตภาพยนตร์ไทยสามารถเพิ่มคุณภาพผลงาน สร้างภาพยนตร์ทุนสูงแข่งขันได้จริงในตลาดโลก พร้อมทั้งรักษาระดับการลงทุน การผลิตผลงานลิขสิทธิ์ไทย และการจ้างงานในอุตสาหกรรมภาพยนตร์อย่างต่อเนื่อง โดยกระทรวงวัฒนธรรมจะรีบหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีต่อไป

“มาตรการนี้เป็นก้าวสำคัญของประเทศในการผลักดันอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพิ่มรายได้ สร้างงาน และยกระดับเศรษฐกิจสร้างสรรค์ไทยอย่างยั่งยืน คาดว่าจะสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 4,600 ล้านบาทต่อปี” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าว