วันที่ 26 พฤศจิกายน 2568 เวลา 15.00 น. นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมตรี นายอนุทิน ชาญวีระกูล ที่ได้มอบหมายให้กำกับดูแลการช่วยเหลือ เยียวยา และฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อให้การบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนเป็นไปด้วยความรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และเกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม โดยมี นายจุมพฏ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วยส่วนราชการในพื้นที่ ตลอดจนผู้บริหารระดับสูงและหัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม 301 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และผ่านระบบ VDO Conference
รองนายกฯ สุชาติ กล่าวว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่เริ่มคลี่คลาย หลายพื้นที่ใน 14 อำเภอ และไม่พบผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต นั้น สิ่งที่ต้องเตรียมตัวต่อจากนี้ คือการระดมกำลังเข้าทำความสะอาดพื้นที่หลังน้ำลด การจัดหาพื้นที่สำหรับกำจัดขยะที่มาจากน้ำท่วม และการสำรวจความเสียหายของระบบต่าง ๆ ทั้งระบบกำจัดขยะ ระบบบำบัดน้ำเสีย ระบบประปา ระบบบ่อบาดาล เป็นต้น จึงขอให้ทุกหน่วยงาน เตรียมพร้อมทุกภาคส่วนเร่งลงพื้นที่สนับสนุนการให้ความช่วยเหลือประชาชนต่อไป โดยเฉพาะหน่วยงานของ ทส. ขอให้จัดทีมลงไปช่วยเหลือสนับสนุนอย่างเต็มกำลัง ทั้ง ทีมกรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล ที่จะช่วยเรื่องการแก้ไขปัญหาน้ำใช้ น้ำประปา และน้ำดื่ม และทีมกรมอุทยานฯ กรมป่าไม้ ในการนำกำลังพลเข้าช่วยทำความสะอาดบ้านเรือนประชาชน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในการกลับเข้าสู่บ้านเรือน และฟื้นชีวิตความเป็นอยู่ให้เป็นปกติโดยเร็วที่สุด ตลอดจนสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานีเร่งจัดลำดับพื้นที่ที่ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน เพื่อให้สามารถเข้าดูแลได้ตรงจุดและทันต่อสถานการณ์ รวมถึงช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์โดยเร็ว
รองนายกรัฐมนตรี ยังได้เน้นย้ำให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เร่งให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่อื่น ๆ โดยเฉพาะในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ที่ยังเข้าถึงได้ยาก พร้อมจัดส่งอาหาร น้ำดื่ม ยา และเวชภัณฑ์ที่จำเป็นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งให้ทุกหน่วยงานประสานข้อมูลสถานการณ์กันแบบเรียลไทม์ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและเจ้าหน้าที่ภาคสนาม รวมถึงการส่งต่อผู้ประสบภัยไปยังศูนย์พักพิงที่ใกล้ที่สุด เพื่อบูรณาการทุกภาคส่วน ช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัยอย่างเต็มกำลัง และจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลง
“นอกจากนี้ อีกสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงคู่ไปกับการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน คือ ความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ที่ออกปฏิบัติงานในพื้นที่ และการสนับสนุนสวัสดิการ อาหารการกิน และน้ำดื่ม อย่างเพียงพอ เพื่อให้มีกำลังช่วยเหลือประชาชนได้อย่างเต็มที่ ผมขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกนาย ทุกหน่วยงาน ที่ร่วมกันทุ่มเทแรงกายแรงใจในการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความยากลำบากอยู่ในขณะนี้ และขอเป็นกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ของทุกท่านอย่างเต็มกำลังความสามารถต่อไป” นายสุชาติ กล่าวทิ้งท้าย