“รมว.พัฒนา” รับมือสถานการณ์ฝนชุก 4 จว.ภาคใต้ หน่วยบริการ 12 แห่ง ยังพร้อมให้บริการประชาชน กำชับดูแลกลุ่มเปราะบางใกล้ชิด

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ห่วงเขตสุขภาพที่ 12 ฝนตกหนักต่อเนื่อง 4 จังหวัด มีผู้เสียชีวิตจากการจมน้ำ 1 ราย บาดเจ็บ 2 ราย สถานพยาบาลได้รับผลกระทบ 12 แห่ง แต่ยังเปิดบริการตามปกติ บุคลากรได้รับผลกระทบ 5 ราย อสม. 103 ราย กำชับผู้ตรวจราชการฯ นพ.สสจ. เกาะติดสถานการณ์ ดูแลกลุ่มเปราะบาง สื่อสารความเสี่ยงไฟฟ้าช็อต-อุบัติเหตุ จัดหน่วยบริการดูแลสุขภาพและสนับสนุนยา/เวชภัณฑ์

วันที่ 22 พฤศจิกายน 2568 นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ได้รับรายงานจาก นพ.อภิชาต วชิรพันธ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 12 ถึงสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 7 จังหวัด ที่มีฝนตกต่อเนื่อง 3 วัน และตกหนักใน 4 จังหวัด คือ สงขลา สตูล ปัตตานี และยะลา ปริมาณน้ำฝนจังหวัดสงขลาสูงถึง 477 มิลลิเมตร คาดว่าจะยังตกต่อเนื่องจนถึงวันที่ 23 พฤศจิกายน 2568 โดยทั้ง 4 จังหวัดได้เปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (PHEOC) กรณีอุทกภัยแล้ว ส่วนพัทลุงอยู่ระหว่างพิจารณาเปิด PHEOC เช่นกัน สำหรับผลกระทบจากเหตุการณ์อุทกภัยครั้งนี้ พบผู้เสียชีวิตจากการจมน้ำ 1 รายที่ จ.พัทลุง และบาดเจ็บ 2 รายจากการลื่นล้ม สถานบริการสาธารณสุขได้รับผลกระทบรวม 12 แห่ง แบ่งเป็น โรงพยาบาล 5 แห่ง คือ โรงพยาบาลศูนย์หาดใหญ่ โรงพยาบาลนาหม่อม โรงพยาบาลรัตภูมิ จ.สงขลา โรงพยาบาลปะนาเระ และโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสายบุรี จ.ปัตตานี, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) 5 แห่ง คือ รพ.สต.ท่าแมงลัก รพ.สต.นางเหล่า จ.สงขลา รพ.สต.ฉลุง รพ.สต.เขาขาว จ.สตูล รพ.สต.ปากสระ จ.พัทลุง และสำนักงานสาธารณสุขอำเภอ (สสอ.) 2 แห่ง คือ สสอ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี สสอ.รัตภูมิ จ.สงขลา โดยทุกแห่งมีการบริหารจัดการให้ไม่กระทบต่อการให้บริการประชาชน

นายพัฒนากล่าวต่อว่า การดูแลด้านการแพทย์และสาธารณสุข ขณะนี้ให้การดูแลกลุ่มเปราะบางแล้ว 832 คน มีการเปิดศูนย์พักพิง 2 แห่ง
ที่ อ.จะนะ จ.สงขลา และ อ.มะนัง จ.สตูล ทั้งนี้ ได้กำชับให้ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 12 และนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเน้นย้ำ 4 เรื่อง คือ 1.ให้การดูแลกลุ่มเปราะบาง โดยเฉพาะผู้ป่วยฟอกไต ติดบ้านติดเตียง รวมถึงผู้ป่วยส่งต่อระหว่างโรงพยาบาลในพื้นที่น้ำท่วมถนน 2.ให้สื่อสารความเสี่ยง โดยเฉพาะเรื่องไฟฟ้าช็อตและอุบัติเหตุต่างๆ 3.การจัดตั้งหน่วยบริการประชาชนเพิ่มเติม และสนับสนุนเวชภัณฑ์ เช่น ยาน้ำกัดเท้า ยาน้ำท่วม และ 4.เฝ้าระวังและบริหารจัดการสถานพยาบาลที่ได้รับผลกระทบตามแผนประคองกิจการ จนกว่าจะเข้าสู่ระยะปกติและระยะฟื้นฟู ซึ่งขณะนี้ดำเนินการได้ตามแผน โดยส่วนกลางให้เตรียมพร้อมสนับสนุนทรัพยากรต่างๆ เพิ่มเติม