เกษตรฯ เปิดหลักเกณฑ์และขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการพัฒนาสวนลำไยคุณภาพตัดแต่งทรงพุ่ม/ช่อผลฟื้นฟูสวนลำไย เพื่อเพิ่มรายได้ ภายหลังจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบโครงการฯ ดำเนินการในพื้นที่ 8 จังหวัด ภาคเหนือ เน้นย้ำเป็นเกษตรกรที่ขึ้นและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตรแล้ว และเป็นพื้นที่ที่ปลูกลำไยที่ให้ผลผลิตแล้ว และต้นลำไยมีอายุตั้งแต่ 5 – 25 ปี โดยจะได้รับการสนับสนุนค่าดำเนินการ ค่าปัจจัยการผลิต ในการตัดแต่งทรงพุ่มและช่อผล ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ ต่อครัวเรือน

นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า โครงการพัฒนาสวนลำไยคุณภาพตัดแต่งทรงพุ่ม/ช่อผล ฟื้นฟูสวนลำไย เพื่อเพิ่มรายได้ เป็นโครงการฯ สนับสนุนให้ชาวสวนลำไย เป้าหมาย 600,000 ไร่ เกษตรกร 125,000 ครัวเรือน ในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน แพร่ พะเยา น่าน และจังหวัดตาก ที่ขึ้นและปรับปรุงทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตรแล้ว และไม่มีประวัติการเผาตามประกาศกระทรวงเกษตร ฯ เพื่อให้เกิดการฟื้นฟูการผลิตลำไยให้มีประสิทธิภาพด้วยการตัดแต่งทรงพุ่มและช่อผล เพิ่มสัดส่วนลำไยคุณภาพสูงเกรดคุณภาพ AA+A ให้มีเพิ่มขึ้น ยกระดับรายได้ และเกิดแนวปฏิบัติเป็นภาพลักษณ์ใหม่ของการผลิตลำไยคุณภาพสูงของไทยต่อตลาดโลก

สำหรับเงื่อนไขเกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการฯ
- เป็นพื้นที่ที่ปลูกลำไย ที่ให้ผลผลิตแล้ว มีอายุตั้งแต่ 5 – 25 ปี และเป็นพันธุ์ที่ผลิตเพื่อการค้า ได้แก่ พันธุ์อีดอ พันธุ์สีชมพู พันธุ์พวงทอง และพันธุ์เบี้ยวเขียว เท่านั้น
- เกษตรกรเข้ารับการถ่ายทอดความรู้จากสื่อการเรียนการสอนจากเว็บไซต์กรมส่งเสริมการเกษตรและผ่านการทดสอบ
- ต้องดำเนินการตัดเเต่งทรงพุ่มและช่อผล ตามหลักวิชาการ และอัพโหลดรูปภาพที่ได้ตัดแต่งทรงพุ่มและช่อผลแล้ว
ผ่านแอพพลิเคชั่น Farmbook และหากซื้อปัจจัยการผลิต ต้องอัพโหลดภาพใบเสร็จรับเงิน การซื้อปัจจัยการผลิตในช่วงเวลาดำเนินโครงการฯ ที่กำหนด
ทั้งนี้ เกษตรกรต้องดำเนินการในทุกเงื่อนไข หากเกษตรกรไม่ดำเนินการตามเงื่อนไขโครงการฯ กรมส่งเสริมการเกษตรขอยกเลิกสิทธิ์เข้าร่วมโครงการฯ ตามข้อตกลงในสัญญา และดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ ที่เกี่ยวข้อง
อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวอีกว่า เกษตรกรในพื้นที่เป้าหมาย 8 จังหวัดภาคเหนือที่สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการฯ จะเริ่มเปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2568 ณ ที่สํานักงานเกษตรอําเภอ หรือสถานที่อื่น ๆ ที่กำหนด ซึ่งเกษตรกรจะต้องสมัครและลงลายมือชื่อด้วยตนเองเท่านั้น โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะเป็นผู้โอนเงินเข้าบัญชีของเกษตรกรโดยตรง ตามบัญชีที่แจ้งไว้และเป็นไปตามสิทธิ์ที่ได้รับ ไม่เกิน 10 ไร่ ตั้งแต่ประมาณกลางเดือนธันวาคม 2568 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ขอย้ำว่าให้เกษตรกรชาวสวนลำไย โปรดระวังมิจฉาชีพที่หลอกลวงให้ทำธุรกรรมเพื่อเข้ารับสิทธิ์ หากเกษตรกรมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการดำเนินการ โปรดติดต่อเจ้าหน้าที่เกษตรตำบลในพื้นที่ หรือสำนักงานเกษตรอำเภอหรือจังหวัดในพื้นที่ โดยตรงเท่านั้น



