กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เผยผลการตรวจวิเคราะห์สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชและสารเร่งสุกตกค้างในผลไม้ 4 ชนิดของไทย ได้แก่ ทุเรียน มะม่วง กล้วย และสับปะรด ประจำปี พ.ศ. 2568 โดยพบว่า มีการตกค้างร้อยละ 43 ซึ่งใกล้เคียงกับผลการตรวจในปี 2565 และมีอัตราการตกค้างเกินมาตรฐานลดลงเหลือเพียง ร้อยละ 26 จากเดิมร้อยละ 34.3 สะท้อนถึงแนวโน้มการพัฒนาและควบคุมคุณภาพผลไม้ไทยที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ดร.นพ.สราวุฒิ บุญสุข อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า การตรวจครั้งนี้ดำเนินการโดย สำนักคุณภาพและความปลอดภัยอาหาร ร่วมกับ ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 1/1 เชียงราย, ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 6 ชลบุรี, ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 9 นครราชสีมา และศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 12 สงขลา โดยเก็บตัวอย่างผลไม้ชนิดละ 50 ตัวอย่าง รวมทั้งสิ้น 200 ตัวอย่าง เพื่อวิเคราะห์หาปริมาณสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช 250 ชนิด และสารอีทีฟอน (ethephon) ซึ่งเป็นสารเร่งสุก โดยใช้วิธีทางห้องปฏิบัติการที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสากล ISO/IEC 17025:2017

ผลการตรวจพบว่ามีการตกค้างของสารเคมีในผลไม้ 86 ตัวอย่าง (ร้อยละ 43) โดยผลไม้ที่พบการตกค้างมากที่สุดคือ ทุเรียน (62%) รองลงมาคือ กล้วย (38%) มะม่วง (2%) และสับปะรด (2%) ส่วนสารเคมีทางการเกษตรที่ตรวจพบทั้งหมด 38 ชนิด โดยสารเคมีที่ตรวจพบมากที่สุด 4 อันดับแรก ได้แก่ สารอีทีฟอน (ethephon) สารไซเพอร์เมทริน (cypermethrin) สารคาร์เบนดาซิม (carbendazim) และสารแลมบ์ดา-ไซฮาโลทริน (lambda-cyhalothrin) ทั้งนี้ ผลการตรวจวิเคราะห์อ้างอิงเกณฑ์ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 460 พ.ศ. 2568 เรื่อง อาหารที่มีสารพิษตกค้าง และมาตรฐานสากล CODEX
สำหรับ สารอีทีฟอน พบการตกค้างไม่ผ่านเกณฑ์การยอมรับร้อยละ 13 โดยส่วนใหญ่พบในกล้วยและทุเรียนซึ่งเกษตรกรนิยมใช้เพื่อเร่งการสุกของผลไม้ให้ทันจำหน่าย ทั้งนี้ สารอีทีฟอนเมื่อสลายตัวจะกลายเป็นก๊าซเอทิลีน ซึ่งเป็นฮอร์โมนพืชตามธรรมชาติ โดย CDC และ US-EPA จัดให้เป็นสารที่ไม่มีพิษ จึงไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค
ดร.นพ.สราวุฒิ กล่าวเพิ่มเติมว่า “แม้จะพบการตกค้างของสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชบางส่วนในทุเรียน มะม่วง สับปะรด และ กล้วย โดยสารพิษตกค้างส่วนใหญ่จึงอยู่ที่เปลือก อนึ่งผู้บริโภคสามารถรับประทานผลไม้ไทยได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย โดยเลือกซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้ และล้างทำความสะอาดตามคำแนะนำของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ก่อนรับประทาน”
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ยืนยันว่า จะยังคงดำเนินการเฝ้าระวัง ตรวจสอบ และสื่อสารความเสี่ยงแก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยอาหารของประเทศ สร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพผลไม้ไทย และส่งเสริมมูลค่าทางเศรษฐกิจในตลาดทั้งในและต่างประเทศ





