“รองนายกฯ โสภณ” ลงพื้นที่ร้อยเอ็ด ติดตามสถานการณ์น้ำลุ่มน้ำชี มุ่งแก้ท่วม-แล้งซ้ำซาก ทุกโครงการต้องแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนได้จริง

รองนายกฯ โสภณ นำคณะ ลงพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด ติดตามสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำชี สั่งหน่วยงานด้านน้ำจัดทำแผนแม่บทการแก้ไขปัญหาด้านทรัพยากรน้ำของจังหวัดร้อยเอ็ด มุ่งนำร่องดำเนินการแก้น้ำท่วมและน้ำแล้งซ้ำซาก

วันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 นายโสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจราชการเพื่อติดตามสถานการณ์น้ำลุ่มน้ำชี และการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยและภัยแล้ง ณ จังหวัดร้อยเอ็ด พร้อมด้วย นายไพฑูรย์ เก่งการช่าง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยในช่วงเช้า รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำหลักเพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วมพื้นที่ชุมชนเมืองร้อยเอ็ด ระยะที่ 1 ณ ศาลากลางจังหวัดร้อยเอ็ด โดยมีนายชัชวาลย์ เบญจสิริวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ให้การต้อนรับ ภายหลังการประชุมได้กล่าวมอบนโยบายการแก้ไขปัญหาของจังหวัด ก่อนพบปะประชาชนเพื่อรับฟังปัญหา ณ หอประชุมจังหวัดร้อยเอ็ด จากนั้นได้เดินทางลงพื้นที่โครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำหลักเพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วมพื้นที่ชุมชนเมืองร้อยเอ็ด ระยะที่ 1 เพื่อติดตามความก้าวหน้า และในช่วงบ่าย ได้เดินทางไปติดตามสถานการณ์น้ำท่วมซ้ำซาก พร้อมรับฟังปัญหาความเดือดร้อนจากประชาชนในพื้นที่อำเภอเสลภูมิ ณ โรงเรียนขวาววิทยาคาร

รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การแก้ไขปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากและการขาดแคลนน้ำในฤดูแล้งถือเป็นวาระสำคัญของรัฐบาล ขณะนี้ทุกหน่วยงานกำลังเร่งแก้ไขสถานการณ์ในพื้นที่ที่ยังได้รับผลกระทบจากอุทกภัยให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว พร้อมทั้งติดตามและประเมินความเสี่ยงการขาดแคลนน้ำในพื้นที่ที่มีฝนตกน้อย เพื่อวางแผนการใช้น้ำอย่างรอบคอบตลอดช่วงฤดูแล้ง ควบคู่ไปกับการเร่งรัดขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาในระยะยาว ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้พี่น้องประชาชน การลงพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ดในครั้งนี้ จึงได้มอบหมายให้จังหวัด สทนช. กรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ด้านทรัพยากรน้ำ จัดทำแผนแม่บทการแก้ไขปัญหาด้านทรัพยากรน้ำของจังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อให้การแก้ไขปัญหาพื้นที่น้ำท่วมและแล้งซ้ำซากเป็นไปอย่างบูรณาการและยั่งยืน โดยให้เสนอแผนดังกล่าวไปยังสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อรวบรวม ก่อนพิจารณาให้ สทนช. ขับเคลื่อนแผนผ่านกลไกคณะกรรมการลุ่มน้ำและคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และนำไปปรับเพิ่มในแผนปฏิบัติการ

ด้านทรัพยากรน้ำ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2570 นอกจากนี้ ให้เร่งขยายกำลังผลิตระบบประปาพร้อมระบบนำน้ำดิบมาใช้ ในพื้นที่ตำบลขอนแก่น อำเภอเมืองร้อยเอ็ด รวมทั้งให้กรมชลประทาน นำแนวทางการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ลุ่มต่ำน้ำยัง ไปพิจารณานำร่องดำเนินการในระยะเร่งด่วน เช่น โครงการปรับปรุงประตูระบายน้ำฝายท่าลาด และฝายบ้านใหม่ชุมพร อำเภอเสลภูมิ และการจัดทำอาคารควบคุมน้ำที่เกี่ยวข้อง โดยขับเคลื่อนผ่านคณะกรรมการลุ่มน้ำชี และ กนช. ต่อไป ทั้งนี้ ทุกหน่วยงานต้องดำเนินงานโดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางทุกโครงการต้องเห็นผลเป็นรูปธรรม ช่วยลดความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนได้จริง และต้องรายงานผลต่อรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของจังหวัดร้อยเอ็ดเป็นต้นแบบของการพัฒนาที่ยั่งยืน

ด้าน รองเลขาธิการ สทนช. เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันแหล่งน้ำของจังหวัดร้อยเอ็ด มีปริมาณน้ำรวมทั้งหมดประมาณร้อยละ 57 ของความจุเก็บกัก แม้จะมีอ่างเก็บน้ำขนาดกลางบางแห่งที่มีน้ำมาก แต่ในภาพรวมปริมาณน้ำยังคงน้อยกว่าเมื่อปีที่แล้ว ประกอบกับจังหวัดร้อยเอ็ดไม่มีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ และคาดว่าช่วงหลังจากนี้จะมีฝนตกน้อย ทำให้บางพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำในช่วงเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2569 เพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว สทนช. จะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อวางแผนการจัดสรรน้ำอย่างรัดกุม และดำเนินการตามข้อสั่งการที่ได้รับอย่างเคร่งครัด เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและน้ำแล้งซ้ำซากในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมุ่งเน้นให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง