“รองนายกฯ โสภณ” ขับเคลื่อนแผนงานบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ปีงบ 2570 ชูแก้ไขปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากในเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยา  

รองนายกฯ โสภณ นั่งหัวโต๊ะการประชุมขับเคลื่อนแผนงานบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2570 ย้ำการดำเนินงานแต่ละเป้าหมายต้องเชื่อมโยงกันตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อแก้ไขปัญหาได้อย่างครบวงจร

วันที่ 13 พฤศจิกายน 2568 นายโสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมขับเคลื่อนแผนงานบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2570 โดยมีนายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุม ณ ทำเนียบรัฐบาล และผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์

รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่ได้รับมอบหมายให้เป็นประธานกรรมการพิจารณาการจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2570 แผนงานบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2568 จึงได้มีการประชุมในครั้งนี้ เพื่อให้ทุกหน่วยงานได้รับทราบหลักเกณฑ์การบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำให้มีประสิทธิภาพขับเคลื่อนโครงการได้อย่างรวดเร็วและสอดคล้องกับนโยบาย Quick Big Win ของรัฐบาล โดยต้องเชื่อมโยงภารกิจของหน่วยงานเพื่อแก้ไขปัญหาด้านน้ำอย่างเป็นระบบ ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำที่ประชุมในเรื่องการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก อาทิ การป้องกันอุทกภัยในเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นปัญหาที่สร้างความเดือดร้อนเสียหายและส่งผลกระทบอย่างมากต่อการดำรงชีวิตของพี่น้องประชาชน จึงต้องเร่งรัดดำเนินการตามแผนแก้ไขปัญหาระยะยาวอย่างยั่งยืน

ด้าน เลขาธิการ สทนช. ได้แจ้งหลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ โดยโครงการที่เข้าข่ายแผนงานบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ จะต้องอยู่ภายใต้แผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2570 ที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ให้ความเห็นชอบ ซึ่งขณะนี้ร่างแผนปฏิบัติการดังกล่าว อยู่ระหว่างการพิจารณาให้ความเห็นของคณะกรรมการลุ่มน้ำ ก่อนเสนอ กนช. พิจารณาให้ความเห็นชอบตามลำดับภายในเดือนธันวาคมนี้ ทั้งนี้ ในแต่ละเป้าหมายภายใต้แผนงานบูรณาการ ต้องมีหน่วยรับงบประมาณตั้งแต่สองหน่วยขึ้นไปร่วมกันรับผิดชอบดำเนินการ และต้องสอดคล้องกับแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี ซึ่งแบ่งออกเป็น 5 ด้าน ได้แก่ ด้านที่ 1 การจัดการน้ำอุปโภคบริโภค ด้านที่ 2 การสร้างความมั่นคงของน้ำภาคการผลิต ด้านที่ 3 การจัดการน้ำท่วมและอุทกภัย ด้านที่ 4 การอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศทรัพยากรน้ำ และด้านที่ 5 การบริหารจัดการ โดยแต่ละเป้าหมายต้องมีแนวทางการดำเนินงานที่เชื่อมโยงกันตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ไปจนถึงปลายน้ำ เช่น การสร้างพื้นที่ชะลอน้ำ เชื่อมโยงกับการสร้างระบบระบายน้ำ ไปจนถึงการดำเนินการตามแผนป้องกัน – เผชิญเหตุ ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาได้อย่างครบวงจร และงบประมาณรายจ่ายที่ใช้ต้องสามารถแก้ไขปัญหาและลดผลกระทบให้กับประชาชนได้อย่างมีนัยสำคัญ รวมทั้ง จะมีการจัดลำดับความสำคัญของพื้นที่ โดยเริ่มดำเนินการในพื้นที่ที่มีปัญหารุนแรงมากที่สุดก่อน เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสามารถใช้งบประมาณได้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน