จากสถานการณ์ปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ “สแกมเมอร์” ที่ทวีความรุนแรงและสร้าง ความเสียหายต่อประชาชนและระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างมหาศาล คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2568 เห็นชอบให้การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเป็น “วาระแห่งชาติ”พร้อมทั้งแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยีขึ้น เพื่อเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม และได้มีการลงนาม MOU ว่าด้วย ความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และการประกาศสงครามกับสแกมเมอร์ เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2568 ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำการใช้บทบาทของรัฐบาลในทุกเวที ทั้งในระดับชาติและระหว่างประเทศ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือและเร่งรัดการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องและจริงจัง
ในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 สำนักงาน ปปง. ในฐานะหน่วยงานหลักด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ได้ดำเนินการเชิงรุกโดยเชิญสมาคมและชมรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น สมาคมธนาคารไทย สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย สมาคมค้าทองคำ สมาคมการค้าผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลไทย สมาคมการค้า ผู้ให้บริการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ไทย ฯลฯ มาประชุม โดยมีนายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการ ปปง. เป็นประธานการประชุมเพื่อสั่งการและกำชับให้ผู้มีหน้าที่รายงานต้องดำเนินการยกระดับการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยต้องดำเนินการจัดให้ลูกค้าแสดงตนทุกครั้งก่อนสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจหรือก่อนการทำธุรกรรม (Know Your Customer – KYC) และดำเนินการตรวจสอบ เพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้าอย่างเข้มข้น (Enhanced Due Diligence – EDD) และเฝ้าระวังรายชื่อของบุคคลและนิติบุคคลหรือประเทศที่มีความเสี่ยงสูงที่อาจเชื่อมโยงกับเครือข่ายอาชญากรรมเหล่านี้ ซึ่งสำนักงาน ปปง. ได้แจ้งรายชื่อให้ผู้มีหน้าที่รายงานแล้ว ทั้งนี้ เพื่อให้ สำนักงาน ปปง. ได้รับรายงานธุรกรรมที่มีเหตุอันควรสงสัยที่อาจเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และเพื่อให้มีข้อมูลเส้นทางการเงินสำหรับดำเนินการสกัดกั้นเส้นทางการเงินของอาชญากรเป็นไปอย่างทันท่วงที
การยกระดับมาตรการในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการต่อสู้กับภัยคุกคามทางการเงินรูปแบบใหม่ ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยความรวดเร็ว แม่นยำ และบูรณาการการทำงานร่วมกันทุกภาคส่วน เพื่อตัดวงจรการฟอกเงิน ปกป้องทรัพย์สินของประชาชน และสร้างความมั่นคงให้แก่ระบบการเงินของประเทศต่อไป

