“ตรีนุช” นั่งประธาน คบต. ทบทวน – ขยายเวลาทำงานแรงงานต่างด้าว – ผ่อนผันต่อใบอนุญาต – ลดหลักประกันนายจ้าง แก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน

วันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 เวลา 10.00 น. นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว (คบต.) ครั้งที่ 7/2568 โดยมี พันตำรวจโท วรรณพงษ์ คชรักษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน นายสมชาย มรกตศรีวรรณ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทน อธิบดีกรมการจัดหางาน ผู้บริหารกระทรวงแรงงาน และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สภาความมั่นคงแห่งชาติ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ร่วมประชุม ณ ห้องประชุม ศ.นิคม จันทรวิทุร ชั้น 5 กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน อาคารกระทรวงแรงงาน

นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า วันนี้ (วันที่ 7 พฤศจิกายน 2568) ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว ได้ร่วมกันพิจารณาและทบทวนมาตรการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2568 เพื่อให้สอดคล้องกับบริบทความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รวมถึงสถานการณ์การขาดแคลนแรงงานภายในประเทศและสภาพทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน โดยที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณาและทบทวน 3 แนวทางสำคัญ ดังนี้

1. อนุญาตให้แรงงานต่างด้าว สัญชาติ ลาว เมียนมา และเวียดนาม ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีหลักฐานการอนุญาตให้อยู่หรือทำงานในประเทศไทยแต่การอนุญาตทำงานหรือการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุด รวมถึงคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมาที่เข้าเมืองผิดกฎหมายก่อนที่ประกาศจะมีผลบังคับใช้และต้องการทำงาน สามารถอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อทำงานได้ 1 ปี ในส่วนคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ต้องเป็นคนที่อยู่หรือเคยอยู่และทำงานในราชอาณาจักรแล้วเท่านั้น และต้องดำเนินการตามแนวทางที่กรมการจัดหางานกำหนด

2. ผ่อนผันให้คนต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2567 ที่ได้รับอนุญาตถึง 31 มีนาคม 2569 และวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ได้รับอนุญาตถึง 13 กุมภาพันธ์ 2569 อยู่และทำงานได้ต่อไปเป็นระยะเวลา 1 ปี โดยให้ยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาตทำงาน พร้อมเอกสารหลักฐาน ก่อนที่ใบอนุญาตทำงานหมดอายุ เพื่อป้องกันการขาดแคลนแรงงานอันจะส่งผลกระทบต่อการประกอบธุรกิจของนายจ้าง สถานประกอบการ

3. แก้ไขการเก็บหลักประกันในการนำคนต่างด้าวมาทำงานกับนายจ้างในประเทศ (กรณีหลักประกันของนายจ้าง) ตาม มติ ครม. เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2567 วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 และมติวันที่ 8 กรกฎาคม 2568 โดยให้นายจ้างวางหลักประกัน 1 พันบาท ต่อการจ้างคนต่างด้าว 1 คน สูงสุดไม่เกิน 1 แสนบาท เพื่อช่วยบรรเทาและลดภาระต้นทุนให้กับนายจ้าง สถานประกอบการ โดยนายจ้างต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่งคนต่างด้าวกลับไปยังประเทศต้นทาง กรณีมีค่าใช้จ่ายเกินหลักประกันที่วางไว้

ด้านนายสมชาย มรกตศรีวรรณ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทน อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวเพิ่มเติมว่า มาตรการทั้ง 3 แนวทางนี้เป็นการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวอย่างเป็นระบบ เพื่อตอบโจทย์การขาดแคลนแรงงานและช่วยลดภาระให้กับนายจ้างได้อย่างแท้จริง โดยกรมการจัดหางานจะเร่งรัดสรุปผลการพิจารณาทั้งหมดเพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบโดยเร็วที่สุดต่อไป โดยแรงงานต่างด้าวกลุ่มดังกล่าวจะได้รับการผ่อนผันก็ต่อเมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ และประกาศกระทรวงมหาดไทย รวมถึงประกาศกระทรวงแรงงานมีผลบังคับใช้แล้วเท่านั้น

อย่างไรก็ดี ในระหว่างนี้ ขอให้นายจ้าง สถานประกอบการ และแรงงานต่างด้าว ติดตามข่าวสารและรายละเอียด แนวทางการปฏิบัติจากกรมการจัดหางานอย่างใกล้ชิด ที่เว็บไซต์กรมการจัดหางาน doe.go.th หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 – 10 หรือสำนักงานจัดหางานจังหวัดทั่วประเทศ หรือที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร. 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน