“คณะอนุกรรมการฯ น้ำ” จับตาอิทธิพลพายุ “คัลแมกี” คาดฝนตกหนักหลายพื้นที่ พร้อมเคาะร่างมาตรการรองรับฤดูแล้ง ปี 68/69

“คณะอนุกรรมการอำนวยการด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ” กำชับทุกหน่วยเฝ้าระวังอิทธิพลพายุ “คัลแมกี” ใกล้ชิด คาดยังมีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ หารือปรับแผนการระบายน้ำเขื่อนภูมิพล-สิริกิติ์ ลดผลกระทบพื้นที่ท้ายน้ำ พร้อมเห็นชอบในหลักการ (ร่าง) มาตรการรองรับฤดูแล้ง ปี 2568/2569 เตรียมเสนอ กนช. พิจารณา

วันที่ 3 พฤศจิกายน 2568 นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการอำนวยการด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ครั้งที่ 15/2568 โดยมี ผู้ทรงคุณวุฒิและผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ณ อาคารจุฑามาศ สทนช. และผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยเลขาธิการ สทนช. เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้รับทราบผลการดำเนินการตามมาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2568 และการเตรียมความพร้อมรับมืออุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ และเห็นชอบในหลักการ (ร่าง) มาตรการรองรับฤดูแล้ง ปี 2568/2569 และโครงการสนับสนุนการดำเนินการตามมาตรการรองรับฤดูแล้งและเตรียมความพร้อมรับมือฤดูฝน ปี 2569 จากรายงานสถานการณ์น้ำและการคาดการณ์ พบว่า ในปี 2568 ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากอิทธิพลพายุหมุนเขตร้อนและมรสุม จำนวน 6 ลูก ได้แก่ พายุวิภา คาจิกิ หนองฟ้า ตาปะฮ์ รากาซา และบัวลอย ทำให้มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่จำนวนมาก ส่งผลให้ปีนี้ต้นฤดูแล้ง วันที่ 1 พ.ย. 68 แหล่งน้ำทั้งประเทศมีปริมาณน้ำรวม 70,656 ล้านลูกบาศก์เมตร (ล้าน ลบ.ม.) คิดเป็นร้อยละ 88 ของความจุเก็บกัก โดยมีอ่างฯ ที่อยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวังน้ำมาก 310 แห่ง ทั้งนี้ จากการติดตามสภาพอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำฯ คาดว่า ช่วงวันที่ 6-9 พ.ย. 68 พายุ “คัลแมกี” ในมหาสมุทรแปซิฟิกจะเคลื่อนผ่านตอนกลางประเทศฟิลิปปินส์ ลงสู่ทะเลจีนใต้ และเข้าใกล้ฝั่งประเทศเวียดนาม อาจทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้นและตกหนักหลายพื้นที่ โดยเฉพาะภาคอีสานตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง และภาคตะวันออก และภาคใต้ยังมีฝนฟ้าคะนองต่อเนื่อง

เลขาธิการ สทนช. กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการคาดการณ์ปริมาณน้ำเขื่อนภูมิพลมีโอกาสเสี่ยงล้น เนื่องจากอิทธิพลฝนตกหนักในช่วงวันที่ 8-10 พ.ย. 68 ที่ประชุมจึงมีมติให้ปรับแผนการระบายน้ำของเขื่อนภูมิพล จ.ตาก ในวันที่ 5 พ.ย. 68 ปรับเพิ่มการระบายน้ำเป็น 20 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน วันที่ 6 พ.ย. 68 ปรับเพิ่มการระบายน้ำเป็น 25 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน ตามลำดับ และวันที่ 7 พ.ย. 68 เป็นต้นไป จะปรับเพิ่มอัตราการระบายน้ำเป็น 30 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน ส่วนเขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ ให้คงการระบายน้ำเดิมที่ 10 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน ขณะที่การระบายน้ำที่เขื่อนเจ้าพระยาปัจจุบันอยู่ที่ 2,300 ลบ.ม.ต่อวินาที และปรับเพิ่มตามสถานการณ์จริงและให้พิจารณาเร่งลดระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อสามารถระบายน้ำออกจากทุ่งรับน้ำได้ตามแผนต่อไป

สำหรับการวางแผนจัดสรรน้ำในช่วงฤดูแล้งนี้ สทนช. ได้บูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามประเมินปริมาณน้ำต้นทุนและความต้องการใช้น้ำ พร้อมคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำ เพื่อจัดสรรน้ำให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำต้นทุนตามลำดับความสำคัญของกิจกรรมการใช้น้ำ ได้แก่ อุปโภคบริโภค รักษาระบบนิเวศ การเกษตร อุตสาหกรรมและอื่นๆ รวมถึงการสำรองน้ำสำหรับการอุปโภคบริโภคและรักษาระบบนิเวศในช่วงต้นฤดูฝน ปี 2569 ด้วย นอกจากนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาการอนุญาตใช้น้ำประเภทที่สาม ของกรมทรัพยากรน้ำ จำนวน 9 ราย สำหรับกิจกรรมการใช้น้ำเพื่อการผลิตไฟฟ้า เพื่อการประปา และเพื่อการอุตสาหกรรม โดยที่ประชุมเห็นควรให้ สทนช. เสนอต่อ กนช. เพื่อให้ความเห็นชอบต่อไป