“รมช.วรโชติ” นำบุคลากรน้อมรำลึก “รัชกาลที่ 3” พระบิดาแห่งการแพทย์แผนไทย เนื่องในวันภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยแห่งชาติ ปี 2568

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นำคณะผู้บริหาร ข้าราชการ ผู้แทนเครือข่ายแพทย์แผนไทย หน่วยงานภาครัฐ เอกชน และประชาชนทั่วไป ร่วมวางพุ่มดอกไม้ถวายราชสักการะและถวายราชสดุดี เพื่อเทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว “พระบิดาแห่งการแพทย์แผนไทย” เนื่องในวันภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยแห่งชาติ ประจำปี 2568

วันที่ 29 ตุลาคม 2568 ที่ บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า สวนสมุนไพรเทวะเวสม์รมณีย์ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก นายวรโชติ สุคนธ์ขจร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.ศักดา อัลภาชน์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.สุภโชค เวชภัณฑ์เภสัช รักษาราชการแทนรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รักษาราชการแทนรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.พงศธร พอกเพิ่มดี อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ผู้แทนเครือข่ายแพทย์แผนไทย หน่วยงานภาครัฐ เอกชน และประชาชนทั่วไป ร่วมวางพุ่มดอกไม้ถวายราชสักการะและถวายราชสดุดี เพื่อเทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว “พระบิดาแห่งการแพทย์แผนไทย” เนื่องในวันภูมิปัญญาการแพทย์ แผนไทยแห่งชาติ ประจำปี 2568

นายวรโชติ กล่าวว่า มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2558 เห็นชอบถวายพระราชสมัญญา “พระบิดา แห่งการแพทย์แผนไทย” แด่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 และกำหนดให้วันที่ 29 ตุลาคมของทุกปี เป็น “วันภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยแห่งชาติ” เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณต่อวงการแพทย์แผนไทย และการสาธารณสุขของชาติ โดยทรงให้ความสำคัญต่อสุขภาพของพสกนิกร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การรวบรวม อนุรักษ์ และเผยแพร่ภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย ผ่านการจารึกตำรายาและท่าฤาษีดัดตน บนศิลาจารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร เมื่อปี พ.ศ. 2374 ซึ่งเป็นมรดกทางภูมิปัญญาอันล้ำค่าที่ได้รับการรับรองจากองค์การ UNESCO ให้เป็น “มรดกความทรงจำแห่งโลก” เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2554 การจัดกิจกรรมในวันนี้ จึงเป็นการแสดงออกถึงความกตัญญูกตเวทีและความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงวางรากฐานการแพทย์แผนไทยให้มั่นคงและเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ ตลอดจนเป็นโอกาสในการสร้างการรับรู้ให้ประชาชนตระหนักถึงคุณค่าและศักยภาพของภูมิปัญญาไทย ที่สามารถต่อยอดพัฒนาให้เกิดประโยชน์ทางสุขภาพและเศรษฐกิจของประเทศ

ด้าน นพ.พงศธร กล่าวว่า ปัจจุบัน กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ดำเนินภารกิจตามพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2542 โดยได้สำรวจและรวบรวมตำรับยาทั่วประเทศกว่า 500,000 ตำรับ คัดเลือกประกาศคุ้มครองเป็นตำรับตำราของชาติแล้ว 39 ฉบับ รวม 61,479 ตำรับ พร้อมนำเข้าฐานข้อมูลภูมิปัญญาอิเล็กทรอนิกส์ (HMPIS) 40,483 ตำรับ และสังคายนาจัดทำเป็น “ตำรับยาแผนไทยแห่งชาติ” 324 ตำรับ เพื่อใช้ประโยชน์ในการรักษา การศึกษา การวิจัย และการพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรในเชิงพาณิชย์ นอกจากนี้ ยังพัฒนามาตรฐานการใช้กัญชาทางการแพทย์อย่างปลอดภัย มีการวิจัยตำรับยาที่มีกัญชาปรุงผสม กว่า 16 ตำรับ ครอบคลุม 5 กลุ่มโรคสำคัญ พร้อมทั้งส่งเสริมการศึกษาวิจัยยาสมุนไพร เพื่อเสริมสร้างสมรรถภาพและยาอายุวัฒนะ เช่น ยาแก้องคชาติตาย และ ยาราณีพลีชีพ ซึ่งล้วนเป็นตำรับที่สืบทอดจากภูมิปัญญาในสมัยรัชกาลที่ 3 ถือเป็นการสืบสานพระราชปณิธานให้ภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยคงอยู่คู่สังคมไทยอย่างยั่งยืนตลอดไป