คณะกรรมการ สรพ. ศึกษาดูงาน “Enhancing Healthcare Quality & Safety” ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 22-25 ตุลาคม 2568

คณะกรรมการสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน) นำโดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร. นายแพทย์ประสิทธิ์ วัฒนาภา ประธานคณะกรรมการสถาบัน แพทย์หญิงปิยวรรณ ลิ้มปัญญาเลิศ ผู้อำนวยการสถาบัน พร้อมด้วยผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ รวม 16 ท่าน เดินทางไปศึกษาดูงานภายใต้หัวข้อ “Enhancing Healthcare Quality & Safety” ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 22-25 ตุลาคม 2568

การศึกษาดูงานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการบริหารและกำกับทิศทางเชิงกลยุทธ์ของสถาบัน ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์จากองค์กรในระบบคุณภาพของประเทศญี่ปุ่น คือ Japan Council for Quality Health Care ซึ่งมีระบบรับรองคุณภาพรวมทั้งการกำกับคุณภาพและความปลอดภัยผู้ป่วยที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ เรียนรู้และใช้ประโยชน์จากข้อมูลการรายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ กระบวนการส่งเสริมและจูงใจในการพัฒนาคุณภาพที่ต่อเนื่องอย่างเป็นระบบและเชื่อมโยงกับปัญหาสุขภาพของประเทศ ตลอดจนเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือในอนาคตกับองค์กรต่างประเทศ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการยกระดับคุณภาพและความปลอดภัยของระบบบริการสุขภาพไทยอย่างยั่งยืนและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล

ในวันที่ 22 ตุลาคม 2568 คณะศึกษาดูงาน สรพ. ได้เข้าศึกษาดูงาน ที่ Japan Council for Quality Health Care – JQ ซึ่งเป็นองค์กรกลางด้านการรับรองคุณภาพของประเทศ และมีบทบาทอื่นๆ เช่น ศูนย์ข้อมูลอุบัติการณ์ทางการแพทย์ และระบบชดเชยความเสียหายทางการแพทย์ โดยมี Dr. Hirobumi Kawakita ประธาน JQ ให้เกียรติต้อนรับ พร้อมกับทีมผู้บริหารของ JQ และผู้แทนจากกระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการแห่งญี่ปุ่น เข้าร่วมแลกเปลี่ยนกับคณะฯ โดยมีประเด็นสำคัญในการนำเสนอและแลกเปลี่ยน ได้แก่ เรื่องการก่อตั้ง JQ เริ่มเมื่อปี 1995 ได้รับแรงบันดาลใจจากระบบ Accreditation ของสหรัฐอเมริกา โดยในปี 2012 ได้เข้าร่วม ISQua EEA เพื่อยืนยันความเป็นกลางขององค์กรที่รับรองคุณภาพของสถานพยาบาลที่ต้องได้รับการตรวจสอบและประเมินรับรองจากองค์กรสากลภายนอก รวมถึงระบบ Hospital Accreditation and Surveyor Training ปัจจุบัน JQ รับรองคุณภาพสถานพยาบาล จำนวน 2,168 จากสถานพยาบาลทั้งสิ้น 8,097 แห่ง อายุการรับรอง 5 ปี โดยความสมัครใจของสถานพยาบาล และระบบNational Policies and Initiatives on Patient Safety และ Medical Accident Investigation and Support Center และกระบวน Quality Improvement ที่ใช้ Patient Satisfaction, Cultural Surveys สำหรับเป็นเครื่องมือให้สถานพยาบาลใช้ประโยชน์โดยความสมัครใจ

นอกจากนี้ได้รับเกียรติจาก Prof. Dr. Shin Ushiro, Director, Executive Board Member, JQ บรรยายแลกเปลี่ยนเพิ่มเติมใน 4 หัวข้อ คือ 1) Medical Adverse Event Information Collection Project 2) Community Pharmacy Near-Miss Reporting and Analysis Project 3) Dental Near-Miss Reporting Project และ 4) Obstetric Compensation System for Cerebral Palsy

ทั้งนี้ คณะกรรมการสถาบันฯได้มีประเด็นมุมมองแลกเปลี่ยนที่สำคัญ ดังนี้ ในเรื่อง กระบวนการสร้างแรงจูงใจ (Incentive) สำหรับสถานพยาบาลที่รับรองจาก JQ โรงพยาบาลที่ผ่านการรับรอง โดยเฉพาะโรงพยาบาลที่มีบทบาทเฉพาะ (Specific Function) จะได้รับคะแนนค่ารักษาพยาบาลเพิ่ม ซึ่งสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้น 100 – 1,000 ล้านเยนต่อปี และ โครงการชดเชยเด็กสมองพิการ (Cerebral Palsy – CP): เริ่มปี 2009 สำหรับกรณีเด็กขาดออกซิเจนระหว่างคลอด โดยมีเงินชดเชยให้ครอบครัวและไม่เอาผิดแพทย์ เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และป้องกันการเกิดซ้ำ รวมถึงการ maintain ระบบคุณภาพ การต่ออายุการรับรองด้วยกระบวนการ Midterm assessment กระบวนการสร้างพัฒนาผู้เยี่ยมสำรวจและแรงจูงใจที่ผู้เยี่ยมสำรวจได้รับ และความร่วมมือในการพัฒนาระบบคุณภาพและความปลอดภัยระหว่างประเทศไทยและญี่ปุ่นในอนาคต เป็นต้น

ต่อมาในวันที่ 23 ตุลาคม 2568 คณะกรรมการสถาบันฯ ได้เดินทางไปเยี่ยมชม โรงพยาบาลทาเคคาวะ (Takekawa Hospital) โรงพยาบาลทาเคะคาวะ (Takekawa Hospital) เป็นโรงพยาบาลเอกชน 161 เตียง สังกัดเครือ Ken-iku-kai Medical Group ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2495 (ค.ศ. 1952) และย้ายมายังที่ตั้งปัจจุบันในปี พ.ศ. 2550 (ค.ศ. 2007) มีความเป็นเลิศด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟู (Rehabilitation Medicine) และการดูแลผู้ป่วยระยะฟื้นฟู (Post-acute care) โดยได้ศึกษาต้นแบบการดูแลที่ยึดผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง (Person-centered care model) ได้รับการรับรองจาก JQ ในกลุ่ม High Functional Medical Group (General Hospital Group 3) ซึ่งมีเพียง 80 โรงพยาบาลในประเทศญี่ปุ่น โรงพยาบาลในเครือ Ken-iku-kai Medical Group ผ่านการรับรองจาก JQ ทุกแห่ง

ซึ่งมีประเด็นการแลกเปลี่ยนร่วมกับผู้บริหารของโรงพยาบาล ได้แก่ ระบบบริหารจัดการในรูปแบบกลุ่มเครือข่าย โดยโรงพยาบาลเป็นส่วนหนึ่งของเครือ Ken-Iku-Kai Medical Group” ซึ่งมีสถานพยาบาลและสถานดูแลในเครือข่ายหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่โรงพยาบาล, คลินิก, ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ (Geriatric Health Services Facility), ไปจนถึงบ้านพัก (Group Home) ประโยชน์: ระบบเครือข่ายนี้ทำให้การส่งต่อผู้ป่วยเป็นไปอย่างราบรื่น ผู้ป่วยสามารถย้ายจากโรงพยาบาลฟื้นฟูไปยังสถานดูแลระยะยาว หรือรับบริการดูแลที่บ้านได้ตามความเหมาะสม ทำให้การวางแผนจำหน่าย (Discharge Planning) มีประสิทธิภาพและมีทางเลือกที่เป็นรูปธรรมรองรับ คุณค่าของการรับรองกระบวนการคุณภาพ โดย JQ ช่วยสร้างคุณค่าให้กับโรงพยาบาลในด้านเสริมภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือ ใช้ในการประชาสัมพันธ์และสร้างความมั่นใจแก่ผู้รับบริการและพันธมิตร ว่าโรงพยาบาลมีระบบบริหารจัดการที่ได้รับมาตรฐาน การยกระดับระบบบริหารจัดการ ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล และได้รับการทบทวนระบบการบริหารจัดการภายในที่ทำให้ดีขึ้นได้ ค่าธรรมเนียมการเยี่ยมเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและเป็นภาระที่จำเป็น เพื่อให้โรงพยาบาลได้รับการประเมินอย่างเป็นระบบ และพัฒนาอย่างยั่งยืนตามมาตรฐาน ทั้งนี้ โรงพยาบาลผ่านการรับรองคุณภาพจาก JQ ซึ่งเป็นสิ่งที่โรงพยาบาลภาคภูมิใจและใช้เป็นเครื่องยืนยันถึงมาตรฐานการดูแลที่มีคุณภาพ

และในวันที่ 24 ตุลาคม 2568 (Japan Time) คณะกรรมการสถาบันฯ ได้เดินทางไปศึกษาดูงาน ณ Tokyo Sewerage Museum “Rainbow ภายใต้แนวคิด “A Town of Visible Sewerage” ซึ่งตั้งอยู่ในศูนย์บำบัดน้ำและระบบท่อระบายน้ำของกรุงโตเกียว เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้แนวทางการจัดการระบบระบายน้ำ (รวมถึงน้ำเสียและน้ำกลับใช้) รวมทั้งการสื่อสารสาธารณะและการมีส่วนร่วมของประชาชนในเรื่องโครงสร้างพื้นฐานด้านสิ่งแวดล้อม Rainbow Town ถูกออกแบบให้ประชาชน “เห็น เข้าใจ และมีส่วนร่วม” กับระบบนั้นได้จริง สะท้อนแนวคิดเดียวกับ การเปิดเผยระบบคุณภาพให้ผู้รับบริการรับรู้และเชื่อมั่น ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดที่มุ่งทำให้คุณภาพเป็นเรื่องของทุกคน การศึกษาดูงานระบบการจัดการน้ำเสียจึงเป็นการเรียนรู้แนวทางการสร้างระบบคุณภาพที่ประชาชนเข้าใจและร่วมรักษาได้ ซึ่งสอดคล้องโดยตรงกับบทบาทของ สรพ. ในการขับเคลื่อนระบบสุขภาพไทยให้มีคุณภาพ ปลอดภัย และยั่งยืนต่อไป

การศึกษาดูงานในครั้งนี้ เป็นการเพิ่มพูนองค์ความรู้และมุมมองใหม่ ทำให้คณะกรรมการและผู้บริหารของสถาบันฯ ได้รับความรู้ความเข้าใจที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการจัดการคุณภาพและความปลอดภัย การรับรองคุณภาพโรงพยาบาล และนวัตกรรมดิจิทัลด้านสุขภาพของประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งสามารถนำบทเรียนที่ได้รับมาพัฒนากลยุทธ์และข้อเสนอแนะที่นำไปปฏิบัติได้จริง เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่การพัฒนาการรับรองคุณภาพสถานพยาบาลของ สรพ. และขับเคลื่อนให้สถานพยาบาลทั่วประเทศไทยมอบบริการที่ปลอดภัยและมีคุณภาพสูงสุดแก่ประชาชนได้อย่างแท้จริง