1. สภาพอากาศวันนี้ : ร่องมรสุมกำลังค่อนข้างแรงพาดผ่านภาคใต้ตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังปานกลางพัดปกคลุมอ่าวไทยตอนบน ภาคใต้ตอนบน และทะเลอันดามันตอนบน ทำให้ภาคใต้ตอนกลางถึงตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ระนอง และพังงา
คาดการณ์ : ช่วงวันที่ 29 – 31 ต.ค. 68 หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่างจะเคลื่อนเข้าปกคลุมประเทศเวียดนามตอนล่าง ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง และภาคตะวันออกจะมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ในขณะที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังคงมีอากาศเย็นในตอนเช้า ประกอบกับร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคใต้ตอนกลางและมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยตอนบน ภาคใต้ตอนบน และทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังอ่อนลง ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง
คาดการณ์พื้นที่เสี่ยงฝนตกหนัก ช่วงวันที่ 28 – 29 ต.ค. 68
คาดการณ์ปริมาณฝนสะสมมากกว่า 200 มม. จ.ชุมพร (อ.ท่าแชะ ปะทิว พะโต๊ะ และเมืองชุมพร) จ.ระนอง (อ.เมืองระนอง สุขสำราญ และกะเปอร์) พังงา (อ.คุระบุรี) และ จ.สุราษฎร์ธานี (อ.บ้านตาขุน และท่าฉาง)
2. สถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในภาพรวม : ปริมาณน้ำรวม 87% ของความจุเก็บกัก (70, 257 ล้าน ลบ.ม.) ปริมาณน้ำใช้การ 80% (46,136 ล้าน ลบ.ม.)
3.คุณภาพน้ำ ณ จุดเฝ้าระวัง แม่น้ำสายหลัก
น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค แม่น้ำเจ้าพระยา ณ สถานีสูบน้ำสำแล จ.ปทุมธานี อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
น้ำเพื่อการเกษตร แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำแม่กลอง และแม่น้ำบางปะกง อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
4. ประกาศสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ประกาศฉบับที่ 27/2568 ลงวันที่ 27 ตุลาคม 2568 เรื่อง เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศ พบว่า จะมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ทั้งนี้ สทนช. ได้ประเมินวิเคราะห์สภาพอากาศ สถานการณ์น้ำและคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม ร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรธรณี กรมชลประทาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พบว่ามีพื้นที่เสี่ยงต้องเฝ้าระวังในช่วงวันที่ 28 ตุลาคม – 3 พฤศจิกายน 2568 ดังนี้
1. พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังอยู่เป็นประจำเนื่องจากระบายไม่ทัน กรุงเทพมหานคร และจังหวัดสมุทรปราการ
2. พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม และน้ำท่วมขัง ดังนี้
2.1 ภาคเหนือ บริเวณ จังหวัดเชียงใหม่ กำแพงเพชร ตาก นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ และอุทัยธานี
2.2 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณ จังหวัดชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ และสุรินทร์
2.3 ภาคตะวันออก บริเวณ จังหวัดฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี สระแก้ว ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
2.4 ภาคตะวันตก บริเวณ จังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์
2.5 ภาคใต้ บริเวณ จังหวัดระนอง ชุมพร ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช
3. เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและเล็กที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 ของความจุเก็บกักบริเวณ จังหวัดเชียงใหม่ กำแพงเพชร ตาก นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ อุทัยธานี ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี สระแก้ว ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด กาญจนบุรี ราชบุรี ระนอง ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี และอ่างเก็บน้ำที่มีสถิติปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำมากกว่าความจุเก็บกัก ซึ่งอาจมีความเสี่ยงน้ำล้นอ่างฯ และส่งผลกระทบให้น้ำท่วมบริเวณด้านท้ายน้ำ
4. เฝ้าระวังระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันและระดับน้ำล้นตลิ่งและท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ บริเวณแม่น้ำสายหลัก และลำน้ำสาขา ได้แก่ คลองชุมพร แม่น้ำหลังสวน และแม่น้ำตาปี

