
วันพุธที่ 22 ตุลาคม 2568 เวลา 14.00 น. นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในงานแถลงข่าวการจัดงานประเพณีลอยกระทง พุทธศักราช 2568 โดยมีนายประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นางยุถิกา อิศรางกูร ณ อยุธยา อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ผู้แทนจาก 5 จังหวัดอัตลักษณ์ ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดสุโขทัย จังหวัดตาก จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดสมุทรสงคราม ผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม ผู้บริหารกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ผู้แทนหน่วยงานบูรณาการฯ ผู้แทนหน่วยงานเจ้าภาพร่วมจัดงาน เครือข่ายทางวัฒนธรรม สื่อมวลชน และแขกผู้มีเกียรติ เข้าร่วมงาน ณ หอประชุมเล็ก ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย กรมส่งเสริมวัฒนธรรม
นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า ประเพณีลอยกระทงเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า สะท้อนภูมิปัญญาและวิถีชีวิตไทยที่ผูกพันกับสายน้ำมาแต่อดีต เป็นการแสดงความกตัญญูต่อพระแม่คงคา และเตือนใจให้พวกเราตระหนักถึงคุณค่าน้ำที่หล่อเลี้ยงชีวิต สืบทอดต่อกันมาหลายร้อยปีจนกลายเป็นประเพณีแห่งศรัทธาและความงดงามของชาติไทย
กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้บูรณาการความร่วมมือร่วมกับภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องจำนวน 33 หน่วยงาน ในการส่งเสริมประเพณีลอยกระทงครอบคลุม 4 มิติ ได้แก่ มิติด้านวัฒนธรรม มิติด้านสังคม มิติด้านเศรษฐกิจ และมิติด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อเน้นการสืบสานประเพณีดั้งเดิมของท้องถิ่นผสานกับแนวคิดวัฒนธรรมเพื่อความยั่งยืน คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวคิด “ลอยกระทง ไท ไทย ปลอดภัย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม แต่งชุดไทยไปลอยกระทง” ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย “สืบสาน สร้างสรรค์ นำวัฒนธรรม สู่อนาคตอย่างยั่งยืน” และมีนโยบายเรือธงประการหนึ่งคือ “ไท ไทย” เพิ่มคุณค่าและโอกาสระดับชุมชน เพื่อเปิดพื้นที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมใหม่ ๆ ในชุมชน เฟ้นหาคุณค่าความเป็นไทย ทำให้พื้นที่ทางวัฒนธรรมทันสมัยและเข้าถึงง่าย และเพิ่มช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย
นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ กล่าวต่อว่า ในปีนี้ กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรมมีกำหนดจัดงานประเพณีลอยกระทง พุทธศักราช 2568 ในวันพุธที่ 5 พฤศจิกายน 2568 ณ วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร โดยบูรณาการร่วมกับ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร กองทัพเรือ บริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไทยกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) มีกิจกรรมภายในงาน อาทิ การแสดงทางวัฒนธรรม การจัดแสดงนวัตกรรมใหม่ลอยกระทงเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การลอยกระทงด้วยระบบเทคโนโลยี Interactive การจัดแสดงองค์ความรู้คุณค่าสาระของประเพณีลอยกระทง การแสดงดนตรีลูกทุ่ง จากศิลปินที่มีชื่อเสียง การสาธิตอาหารไทยและขนมไทย 1 จังหวัด 1 เมนูเชิดชูอาหารถิ่น เช่น ขนมขี้หนู (กรุงเทพฯ) ข้าวมันส้มตำ (ปทุมธานี) เมี่ยงคำบัวหลวง (ปทุมธานี) ขนมกะลาแม (ปทุมธานี) ต้มกะทิปลาเค็มยอดมะขามอ่อน (สิงห์บุรี) ขนมดอกโสน (พระนครศรีอยุธยา) ข้าวตอกโบราณทอด (อ่างทอง)ขนมเกสรลำเจียก (อ่างทอง) ไก่ย่างบางตาล (ราชบุรี) ทอดมันปลากราย (นครสวรรค์) ขนมกุยช่าย (นครนายก)มะม่วงน้ำปลาหวานปลาช่อนย่างแปดริ้ว (ฉะเชิงเทรา) หมูคั่วปลากุเลา (ชลบุรี) เมี่ยงคำก๋วยเตี๋ยว (ชลบุรี) หมี่เจ๊กเชยสีชมพูสระบุรี (สระบุรี) ลาบหัวปลี (สระบุรี) ขนมย่างจากใจ (สมุทรปราการ) เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังส่งเสริมการจัดงาน “ลอยกระทง ไท ไทย” 18 จังหวัดวิถีถิ่น 5 จังหวัดอัตลักษณ์ และเขตพื้นที่ต่าง ๆ ในกรุงเทพมหานคร โดยมุ่งเน้นสนับสนุนให้แต่ละพื้นที่จัดกิจกรรมลอยกระทงตามอัตลักษณ์ ที่สะท้อนภูมิปัญญาท้องถิ่น เปิดพื้นที่ให้ชุมชนได้แสดงออกทางวัฒนธรรมผ่านกิจกรรมและนวัตกรรมใหม่ ๆ เป็นการสืบสานประเพณีดั้งเดิมผสานกับแนวคิดวัฒนธรรมเพื่อความยั่งยืน อีกทั้งยังคงภารกิจสำคัญในการเตรียมจัดทำข้อมูลเพื่อเสนอประเพณีลอยกระทงในประเทศไทยเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรม ที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อยูเนสโก ทั้งนี้ กระทรวงวัฒนธรรม คาดการณ์จากข้อมูลของปีที่ผ่านมา มีเงินสะพัด กว่า 8.3 พันล้านบาท จำนวนผู้ร่วมงานนักท่องเที่ยวในประเพณีลอยกระทงทั่วประเทศ 6.6 ล้านคน ในปีนี้จากความร่วมมือของทุกภาคส่วนจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวและเงินหมุนเวียน ทางเศรษฐกิจที่เพิ่มมากขึ้น สุดท้ายนี้ นางสาวซาบีดา ขอเชิญชวนพี่น้องชาวไทยและชาวต่างชาติแต่งกาย ด้วยชุดไทยพระราชนิยมในการเข้าร่วมกิจกรรมประเพณีลอยกระทง เพื่อเผยแพร่อัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมไทยและเพื่อร่วมกันรักษา สืบสาน ประเพณีลอยกระทงให้คงคุณค่าความเป็นไทย ส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาประเพณีลอยกระทงอันเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ตามนโยบาย “สืบสาน สร้างสรรค์ นำวัฒนธรรม สู่อนาคตอย่างยั่งยืน” ของกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศ ผลักดันประเพณีลอยกระทงให้เป็นเทศกาลที่น่าประทับใจและเป็นภาพจำของนักท่องเที่ยวทั่วโลก
ด้าน การแถลงข่าวการบูรณาการความร่วมมือพื้นที่ 5 จังหวัดอัตลักษณ์

นายนพฤทธิ์ ศิริโกศล ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย กล่าวว่า การจัดงานประเพณีลอยกระทงเผาเทียนเล่นไฟจังหวัดสุโขทัยประจำปี 2568 ซึ่งในปีนี้จัดขึ้นเป็น ปีที่ ๔๘ และจังหวัดสุโขทัย ได้ดำเนินการยกระดับการจัดงานเพื่อนำไปสู่ Green event โดยเน้นเรื่อง การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เน้นการจัดการขยะ อย่างมีประสิทธิภาพ ให้มีการคัดแยกขยะในทุก ๆ กิจกรรมในงาน การลดการใช้โฟม พลาสติก และใช้วัสดุธรรมชาติทดแทน การตกแต่งร้าน สีที่ใช้ภายในงานจะเป็นธีมเดียวกัน คือ ใช้แสงวอร์มไวท์ ให้บรรยากาศย้อนยุค และสีที่ใช้ก็จะต้องให้เข้ากับโบราณสถาน ให้ยังคงจุดเด่นด้านประเพณีและวัฒนธรรม ที่เป็นอัตลักษณ์ของจังหวัดสุโขทัยไว้ การจัดสัดส่วนการใช้พื้นที่ให้เหมาะสม ลดความแออัด เพิ่มพื้นที่พักผ่อน เพื่อให้นักท่องเที่ยวมีความสุขและเกิดความประทับใจเมื่อได้มาร่วมงานมากยิ่งขึ้น
จังหวัดสุโขทัย เป็นจังหวัดเดียวในประเทศไทย ที่ได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) ถึง 4 เมือง ได้แก่ เมืองมรดกโลก เมืองมรดกความทรงจำแห่งโลก เมืองสร้างสรรค์ด้านหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้าน และเมืองแห่งการเรียนรู้ ขอเชิญชวนมาสัมผัสเมืองประวัติศาสตร์ ประเพณี วัฒนธรรม มรดกภูมิปัญญาที่เป็นเอกลักษณ์ของสุโขทัย เครื่องสังคโลก เครื่องเงินโบราณ เครื่องแต่งกาย และอาหารพื้นถิ่น
การจัดงานประเพณีลอยกระทง เผาเทียนเล่นไฟจังหวัดสุโขทัยประจำปี 2568 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 ตุลาคม ถึง วันที่ 5 พฤศจิกายน 2568 ขอเชิญทุกคนมาเที่ยว ได้ที่นี่ “สุโข สุขี ที่สุโขทัย”

นายรนัสถ์ชัย พุ่มเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม (ผู้แทนผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม) กล่าวว่า “งานประเพณีลอยกระทงกาบกล้วยเมืองแม่กลอง ตามครรลองวิถีพอเพียง ประจำปี 2568 จังหวัดสมุทรสงคราม” กิจกรรมไฮไลต์ คือ พิธีอัญเชิญพระประทีปพระราชทานจากศาลากลางจังหวัดสมุทรสงคราม ถึง วัดภุมรินทร์กุฎีทอง ตำบลสวนหลวง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม พิธีลอยพระประทีปพระราชทานกลางลำน้ำแม่กลอง และการปล่อยกระทงกาบกล้วยกว่า 50,000 ใบ บนสายน้ำแม่กลอง ผู้ร่วมงานจะเห็นกระทงกาบกล้วยลอยเต็มแม่น้ำแม่กลอง กระทงกาบกล้วย คือภูมิปัญญาชาวบ้าน โดยนำต้นกล้วยมาลอกเอากาบออก นำมาตัดแต่งให้เป็นรูปร่างทรงคล้ายเรือ หัวท้ายมน แล้วฉลุ หรือตัดแต่งให้เป็นรูปหยักทั้งสองข้างเอาธูปจุ่มน้ำมันยางและน้ำเทียน ผึ่งแดดจนแห้งใช้เวลา 2 – 3 วัน ปักไว้กลางกาบกล้วย ซึ่งลักษณะพิเศษของธูป คือ เป็นธูปและเทียนที่ติดไฟโดยไม่ดับง่าย แม้จะโดนละอองน้ำหรือลมพัด ดังนั้น จะทำให้มีความสว่างไสวอยู่เป็นเวลานับชั่วโมง แล้วนำไปลอยในแม่น้ำเป็นแพยาว เรียกว่า “กระทงกาบกล้วย” ถือว่าเป็นภูมิปัญญาที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตพอเพียงของคนแม่กลอง นอกจากนี้จังหวัดสมุทรสงครามได้ให้ความสำคัญในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยการจัดจิตอาสาเก็บกระทงก่อนลอยออกทะเล (Go Green Clean Meaklong) ในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2568 เพื่อเป็นการรักษาความสะอาดแม่น้ำลำคลอง ไม่ก่อให้เกิดน้ำเน่าเสีย เป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม

นางประสพสุข กันภัย วัฒนธรรมจังหวัดตาก (ผู้แทนผู้ว่าราชการจังหวัดตาก) กล่าวว่า ประเพณีลอยกระทงสายไหลประทีป 1000 ดวง จังหวัดตาก เอกลักษณ์ “หนึ่งเดียวในโลกและแห่งเดียวในประเทศไทย” ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยดีเด่น ประเภทองค์กรภาครัฐถึง 4 ครั้ง จึงถูกยกระดับให้เป็นงานเทศกาลระดับชาติ และจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก การลอยกระทงในพื้นที่จังหวัดตาก แตกต่างจากจังหวัดอื่น ส่วนประกอบของกระทงใช้กะลามะพร้าว ภายในกะลามีด้ายดิบฟั่นเป็นรูปตีนกา
หล่อด้วยเทียนขี้ผึ้ง สำหรับเป็นเชื้อเพลิงจุดไฟก่อนที่จะปล่อยลงลอยไปตามกันตลอดจนไม่ขาดสาย เรียกว่า “การลอยกระทงสาย” การจุดไฟที่ด้ายฟั่นเป็นรูปตีนกา เป็นความเชื่อของชาวบ้านที่ว่า “แสงไฟจะสร้างความสว่างไสวให้กับชีวิตของตน” การจัดงาน จัดขึ้นระหว่างวันที่ 2 – 5 พฤศจิกายน 2568 ณ บริเวณริมสายธารลานกระทงสาย เชิงสะพานสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี และสวนเฉลิมพระเกียรติริมน้ำปิง อำเภอเมืองตาก จังหวัดตาก กิจกรรมไฮไลต์ประกอบด้วย ขบวนแห่อัญเชิญพระประทีปพระราชทาน การแสดงโชว์พิธีเปิด “การลอยกระทงสายไหลประทีป 1000 ดวง การประกวดวงดนตรีลูกทุ่ง “ดาวรุ่งลูกทุ่งกระทงสาย”เทศกาลกระทงสาย : สายกิน สายดนตรี Food and Music Festival 2025 และอีกมากมาย

นายสมศักดิ์ สาโดด วัฒนธรรมจังหวัดร้อยเอ็ด (ผู้แทนผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด) กล่าวว่า การจัดงานประเพณีที่ยิ่งใหญ่และเป็นอัตลักษณ์อันภาคภูมิใจของพวกเราชาวร้อยเอ็ด นั่นคือ งาน ROI ET Loy Krathong Festival หรืองานประเพณี “สมมาน้ำคืนเพ็ง เส็งประทีป” จังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งในปีนี้ เราจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 27 ในปีนี้ จังหวัดร้อยเอ็ดเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยงานจะจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ตระการตาถึง 2 วันเต็ม คือ วันที่ 4 และ 5 พฤศจิกายน 2568 ณ บึงพลาญชัย แลนด์มาร์กสำคัญใจกลางเมืองร้อยเอ็ด กิจกรรมไฮไลท์ที่อัดแน่นทั้งสองวัน ประกอบด้วย การประกวดรำวงสมมาน้ำการประกวดกระทงอนุรักษ์ธรรมชาติ พิธีอัญเชิญ
พระประทีปพระราชทานและถ้วยรางวัลพระราชทาน เพื่อความเป็นสิริมงคลสูงสุดของการจัดงาน การแสดงรำวงสมมาน้ำคืนเพ็งเส็งประทีป ที่ยิ่งใหญ่ โดยนางรำจำนวน หนึ่งหมื่นหนึ่งร้อยเอ็ดคน (10,101 คน) จากทั่วทั้งจังหวัดร้อยเอ็ด การแสดงแสง สี เสียง ชุด “สาเกตนครา บูชาสายนที สืบสานประเพณีเส็งประทีป” จากนักแสดงวิทยาลัยนาฏศิลป์ร้อยเอ็ด สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กระทรวงวัฒนธรรม ที่จะเล่าขานตำนานและประวัติศาสตร์ของเมืองร้อยเอ็ดผ่านการแสดงอันวิจิตร การประกวดธิดาสาเกตนคร เพื่อเฟ้นหาสุภาพสตรีที่เป็นตัวแทนความงามและทูตวัฒนธรรมของเมืองร้อยเอ็ด ขบวนแห่ประกอบแสง สี เสียง จาก 12 หัวเมือง ที่จะมาประชันความงดงามอลังการ สะท้อนอัตลักษณ์ของแต่ละพื้นที่ การประกวดกระทงประทีป ชิงถ้วยพระราชทาน ซึ่งถือเป็นการ “เส็งประทีป” ที่แท้จริง ที่ทุกท่านจะได้ชมความวิจิตรบรรจงของกระทงใหญ่ ร่วมลอย “กระทงข้าวหอมมะลิ” ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดร้อยเอ็ด สะท้อนวิถีเกษตรกรรมและเป็นการลอยกระทงที่เป็นมิตรต่อสายน้ำอย่างแท้จริง

นายสุรพล เกียรติไชยากร ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ (ผู้แทนผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่) กล่าวว่า การจัดงานประเพณีเดือนยี่เป็งเชียงใหม่ ประจำปี 2568 “มรดกแห่งนพบุรี สืบสานวิถีแห่งภูมิปัญญาวัฒนธรรมงามล้ำค่า ยี่เป็งล้านนาสู่สากล” โดยกำหนดจัดงานระหว่างวันที่ 4 – 6 พฤศจิกายน 2568 เพื่อร่วมอนุรักษ์ ฟื้นฟู และเผยแพร่มรดกภูมิปัญญาล้านนาให้ยั่งยืน พร้อมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในระดับนานาชาติ กิจกรรมไฮไลต์ประกอบด้วย ขบวนแห่กระทงใหญ่ ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จำนวน 25 ขบวน พร้อมการแสดงประกอบริ้วขบวนอย่างยิ่งใหญ่ตระการตา การแสดงแสง สี เสียง และสื่อผสม ริมแม่น้ำปิง การประกวดหนูน้อยยี่เป็ง การประกวดโคมยี่เป็งล้านนา (โคมแขวนใหญ่) การอนุรักษ์การทำสะเปา และการปล่อยกระทงสายล้านนา ณ ท่าน้ำ วัดศรีโขง รำวงย้อนยุคริมน้ำปิง ประเพณีตั้งธรรมหลวง พิธีบวงสรวงศาลพระภูมิ–เจดีย์ขาว พิธีขอขมาแม่น้ำปิง การจัดซุ้มประตูป่า กิจกรรมรณรงค์ “สวมใส่ชุดไทย วันลอยกระทง” เพื่อปลูกจิตสำนึกให้คนรุ่นใหม่ภาคภูมิใจในรากเหง้าวัฒนธรรมไทย นอกจากนี้ ยังได้เตรียม จุด Landmark ใหม่ ๆ ให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ได้มาถ่ายรูป เช็กอิน และแชร์ความประทับใจในงานประเพณีเดือนยี่เป็งเชียงใหม่ ซึ่งถือเป็นการเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวสำคัญของเมืองเชียงใหม่ต้อนรับสายลมหนาวที่จะมาเยือนในช่วงปลายปีนี้
หมายเหตุ : ข้อมูลพื้นที่จัดงานลอยกระทง
* วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร
* 5 จังหวัดอัตลักษณ์ ประกอบด้วย จังหวัดสุโขทัย จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดตาก จังหวัดสมุทรสงครามและร้อยเอ็ด
* 18 จังหวัดวิถีถิ่น ประกอบด้วย จังหวัดขอนแก่น จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดลำปาง จังหวัดระนอง จังหวัดชัยนาท จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดสตูล จังหวัดสงขลา จังหวัดอำนาจเจริญ จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดนราธิวาส จังหวัดนครพนม จังหวัดสุราษฎร์ธานีจังหวัดอุทัยธานี จังหวัดระยอง และจังหวัดนครสวรรค์
* กิจกรรมลอยกระทง 15 จุด รอบกรุงรัตนโกสินทร์ 10 เขต วิถีไทย ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม www.culture.go.th หรือ Facebook Fanpage : กรมส่งเสริมวัฒนธรรม
























