
วันที่ 21 ตุลาคม 2568 พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี เป็นประธานในพิธีประกาศเกียรติคุณอาสาสมัครดีเด่นและองค์การที่มีกิจกรรมทางสังคมดีเด่น เนื่องในวันสังคมสงเคราะห์แห่งชาติและวันอาสาสมัครไทย ประจำปี 2568 โดยมี นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์การจัดงาน และนายวิชัย ไทยถาวร รองประธานสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวรายงานถึงการคัดเลือกอาสาสมัครดีเด่น จำนวน 265 ราย และ องค์การที่มีกิจกรรมทางสังคมดีเด่นรับโล่รางวัล จำนวน 25 องค์การ ทั้งนี้ นายกันตพงศ์ รังษีสว่าง ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พร้อมคณะผู้บริหารกระทรวง พม. และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมงาน ณ ห้องปรินซ์แกรนด์บอลรูม ชั้น 11 อาคาร 1 โรงแรมปรินซ์ พาเลซ กรุงเทพมหานคร
ในโอกาสนี้ มีการจัดนิทรรศการเทิดพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี , นิทรรศการอาสาสมัครดีเด่นและองค์การที่มีกิจกรรมทางสังคมดีเด่น , เวทีสมัชชาสวัสดิการสังคมแห่งชาติ ครั้งที่ 33 ในหัวข้อ “การผนึกกำลังหุ้นส่วนในการจัดสวัสดิการสังคมเพื่อการคุ้มครองทางสังคม” เพื่อนำไปสู่การจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายการขับเคลื่อนและพัฒนางานสวัสดิการสังคมของไทย
นายอัครา กล่าวว่า วันที่ 21 ตุลาคมของทุกปี ตรงกับวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือ “สมเด็จย่า” และเป็นวันสังคมสงเคราะห์แห่งชาติและวันอาสาสมัครไทย ซึ่งรัฐบาล โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกันจัดงานวันสังคมสงเคราะห์แห่งชาติและวันอาสาสมัครไทยเป็นประจำทุกปี เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณและเผยแพร่พระเกียรติคุณของสมเด็จย่า “พระมารดาแห่งการสังคมสงเคราะห์” พร้อมทั้งประกาศเกียรติคุณอาสาสมัครดีเด่นและองค์การที่มีกิจกรรมทางสังคมดีเด่น ซึ่งเป็นผู้เสียสละทั้งแรงกาย แรงใจ ในการทำงานจิตอาสาด้วยความเข้มแข็ง และอุทิศตนเพื่อช่วยเหลือสังคม ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจอำนวยประโยชน์สุขต่อประชาชนและสังคม

นายอัครา กล่าวว่า รัฐบาล โดยกระทรวง พม. มีความพยายามและความมุ่งมั่นในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนและสังคม รวมถึงความมุ่งมั่นในการจัดสวัสดิการสังคมให้เกิดความเสมอภาคและทั่วถึง ด้วยนโยบาย “พม.ใกล้คุณ” ที่มุ่งเน้นการให้ความช่วยเหลืออย่างเข้าใจและเข้าถึงพี่น้องประชาชน ทั้งนี้ ภาครัฐไม่อาจดำเนินการเพียงลำพังได้ หากปราศจากพลังความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน โดยเฉพาะ “อาสาสมัคร” และ “องค์การที่มีกิจกรรมทางสังคม” ที่เป็นพลังและฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนงานให้เกิดประโยชน์แก่สังคม ทำให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน ตามที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ได้ทรงวางรากฐานไว้เป็นแบบอย่าง
นายอัครา กล่าวเพิ่มเติมว่า ในนามของกระทรวง พม. ขอขอบคุณและขอชื่นชมยกย่องทุกท่าน ทุกองค์กร อุทิศตนเพื่อส่วนรวม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเสียสละโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน พร้อมทั้งมีความมุ่งมั่นตั้งใจในการพัฒนาสังคม และยกระดับผลการปฏิบัติงานด้านการจัดสวัสดิการสังคม นับเป็นแบบอย่างที่ยอดเยี่ยมให้กับสังคมได้ตระหนักถึงความสำคัญของความร่วมมือกันพัฒนาประเทศชาติให้เกิดความมั่นคง
#พมใกล้คุณ










