วันที่ 18 ตุลาคม 2568 นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) ลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดนราธิวาส ปัตตานี และสงขลา และเป็นประธานในพิธีเปิดงาน การกุศลเพื่อสมทบทุนชำระหนี้คงค้างและซ่อมแซมศูนย์อบรมศาสนาและจริยธรรมประจำมัสยิดอันซอรุลอิสลาม ณ มัสยิดอันซอรุลอิสลาม ตำบลปริก อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา โดยมีนายประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ เข้าร่วม และได้รับการต้อนรับจากประชาชนในพื้นที่อย่างอบอุ่น
นางสาวซาบีดา กล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ถือเป็นการติดตามการดำเนินงานด้านศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรมในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ปัตตานี และสงขลา รวมถึงหารือแนวทางการบูรณาการความร่วมมือและพัฒนากิจกรรมทางวัฒนธรรมให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อขับเคลื่อนงานตามวิสัยทัศน์ของกระทรวงวัฒนธรรม “สืบสาน สร้างสรรค์ นำวัฒนธรรมไทย สู่อนาคตอย่างยั่งยืน” ภายใต้แนวคิด “ไท ไทย” โดยเฉพาะส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม Unseen Thai Thai ผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย CPOT ของชุมชนเพื่อสร้างรายได้ กระตุ้นเศรษฐกิจทั่วประเทศ
นางสาวซาบีดา กล่าวอีกว่า จังหวัดแรกที่จังหวัดนราธิวาส ติดตามความคืบหน้าการเตรียมความพร้อมเปิดพิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอิสลามและศูนย์การเรียนรู้อัลกุรอาน ณ ตำบลละหาร อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรม โดยมีกรมศิลปากร ดำเนินโครงการจัดตั้ง “พิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอิสลามและศูนย์การเรียนรู้อัลกุรอาน” ณ ตำบลละหาร อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส ร่วมกับผู้รู้ด้านศาสนาอิสลามจากทุกภาคส่วนในเขตพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มูลนิธิพิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอิสลามและคัมภีร์อัลกุรอานคัดด้วยลายมือ ศูนย์บริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) จังหวัดนราธิวาส สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดนราธิวาส สำนักงานธนารักษ์พื้นที่นราธิวาส ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2556 จนแล้วเสร็จสมบูรณ์ในปี 2568 ซึ่งพิพิธภัณฑ์ดังกล่าวจะจัดแสดงนิทรรศการหลัก 2 เรื่อง คือ “วิถีชีวิตมุสลิมถิ่นใต้” ถ่ายทอดหลักศาสนา ประเพณี วัฒนธรรม การแต่งกาย สถาปัตยกรรม หัตถกรรม ศิลปะการแสดง ดนตรีพื้นบ้าน และความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับพสกนิกรชาวไทยมุสลิมในพื้นที่ชายแดนใต้ “ห้องคัมภีร์อัลกุรอาน” จัดแสดงคัมภีร์อัลกุรอานสำคัญจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น ของจุฬาราชมนตรีคนแรกในสมัยรัตนโกสินทร์ และคัมภีร์จากวังเจ้าเมืองปัตตานีและสายบุรี คาดพร้อมเปิดให้ประชาชนเข้าชมในเร็ว ๆ นี้
จังหวัดที่สอง จังหวัดปัตตานี เยี่ยมชมเมืองโบราณยะรัง โบราณสถานที่สำคัญ มรดกสำคัญของชาติ และเป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ ซึ่งกรมศิลปากร โดยสำนักศิลปากรที่ 11 สงขลา ร่วมกับจังหวัดปัตตานี และองค์กรปกครองท้องถิ่น ได้เข้ามาทำการสำรวจและขุดแต่งบริเวณแห่งนี้ พบว่าเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญว่าบริเวณแห่งนี้เป็นเมืองโบราณขนาดใหญ่มาก่อน และมีการติดต่อสัมพันธ์กับภูมิภาคอื่น ๆ ทั้งจีน อินเดีย และอาหรับ โดยพบหลักฐานที่สำคัญ เช่น พระพิมพ์ เครื่องปั้นดินเผา เครื่องมือ เครื่องใช้ เครื่องประดับ และหลักฐานทางโบราณคดีอื่น ๆ ที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล เดินหน้ารวบรวมโบราณวัตถุที่ขุดพบ
เร่งจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ ให้ผู้ที่สนใจเข้ามาศึกษาเรียนรู้ นับเป็นทุนสำคัญของพื้นที่ ในการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้กับชุมชน จากนั้นตรวจเยี่ยมการเตรียมความพร้อมการจัดแสดงโขนเยาวชนชายแดนใต้ ณ โรงเรียนเบญจมราชูทิศ อำเภอเมืองปัตตานี เป็นหนึ่งในโครงการของกระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับจังหวัดปัตตานี ร่วมสืบสานและอนุรักษ์ศิลปะการแสดงโขนให้แก่เยาวชนในพื้นที่ชายแดนใต้ เพื่อปลูกฝังความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมไทยและส่งเสริมความสามัคคีในสังคมพหุวัฒนธรรม
ซึ่งล่าสุดได้รับการคัดเลือกให้แสดงในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปพระราชทานรางวัลการทดสอบ การอัญเชิญพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานระดับประเทศ ครั้งที่ 18 ประจำปี 2568 ณ มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี อำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี และเสด็จพระราชดำเนินไปพระราชทานโล่เกียรติคุณและเงินรางวัลแก่คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด และอิหม่ามที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น ประจำปี 2567 และพระราชทานรางวัลแก่ผู้แทนโรงเรียน ผู้บริหารโรงเรียน ครู และนักเรียน โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามภาคใต้ ประจำปี 2567 ณ ที่ทำการองค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี อำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี ในวันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม 2568
จังหวัดที่สาม ที่จังหวัดสงขลา ได้เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “การกุศลเพื่อสมทบทุนชำระหนี้คงค้างและซ่อมแซมศูนย์อบรมศาสนาและจริยธรรมประจำมัสยิดอันซอรุลอิสลาม” ณ มัสยิดอันซอรุลอิสลาม ตำบลปริก อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา เพื่อระดมทุนสนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์อบรมศาสนาอิสลามและจริยธรรมประจำมัสยิด ภายใต้การดูแลของกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ให้ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับบริบทการเรียนรู้ของเยาวชนในปัจจุบัน ตลอดจนเพื่อส่งเสริมพื้นที่ให้เป็นศูนย์อบรมศาสนาที่สอดคล้องกับหลักคำสอน ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของหลักศรัทธาของผู้นับถือศาสนาอิสลาม
โดยกระทรวงวัฒนธรรม ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการเรียนรู้ให้กับเด็กและเยาวชน โดยสนับสนุนการเปิดพื้นที่เรียนรู้ที่ปลอดภัย เป็นระบบ และเอื้อต่อการพัฒนาเยาวชนและชุมชนในระยะยาว การดำเนินงานของศูนย์อบรมศาสนาอิสลามและจริยธรรมประจำมัสยิด ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับชุมชน ที่มุ่งส่งเสริมให้เยาวชนและประชาชนได้รับความรู้ที่ถูกต้องตามหลักศาสนา ควบคู่ไปกับการปลูกฝังคุณธรรมและจริยธรรม ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขและเคารพในความแตกต่างของสังคมไทย
ทั้งนี้ มัสยิดอันซอรุลอิสลามได้ดำเนินการจัดตั้งศูนย์อบรมศาสนาอิสลามและจริยธรรม ประจำมัสยิด (ศอม.) ตามระเบียบกรมการศาสนาว่าด้วยศูนย์อบรมศาสนาอิสลามและจริยธรรมประจำมัสยิด พ.ศ. 2553 โดยได้รับอนุญาตจัดตั้งเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2561 จนถึงปัจจุบันดำเนินงานมากว่า 7 ปี ภายใต้การบริหารของ นายหมัดยูโส๊บ หรับจันทร์ ประธานศูนย์อบรมศาสนาอิสลามและจริยธรรมประจำมัสยิดอันซอรุลอิสลาม และในปีการศึกษา 2567 ศูนย์อบรมศาสนาอิสลามและจริยธรรมประจำมัสยิด ยังได้รับเงินอุดหนุนจากกรมการศาสนาเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง