“ซาบีดา” ตอบกระทู้ ชูนโยบาย “ทุนวัฒนธรรมสร้างรายได้” ลุยปรับโครงสร้างงบให้เข้ากับนโยบายปัจจุบัน เร่งพัฒนาหอศิลป์แห่งชาติ-หอสมุดดิจิทัล

เมื่อวันที่ 16 ต.ค.2568 ที่ผ่านมา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ตอบกระทู้ถามทั่วไปนายอภิสิทธิ์ ไล่สัตรูไกล สส.บัญชีรายช่ื่อ พรรคประชาชน เกี่ยวกับการบริหารงบประมาณ ว่า รัฐมนตรีเพิ่งเข้ารับตำแหน่งได้ประมาณ 2 สัปดาห์ และได้พยายามรีวิวโครงการต่างๆ เพื่อทบทวนและชะลอหลายโครงการที่ไม่มีประสิทธิภาพ โดยจะดูจากผลสัมฤทธิ์ เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งจะต้องมีการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับนโยบายปัจจุบัน โดยนโยบาย 3 ประการคือ 1.ส่งเสริม การท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม 2.คืนเงินทุนให้กับผู้ประกอบการภาพยนตร์ชาวไทย 3.พัฒนาสินค้าทางด้านวัฒนธรรม

นางสาวซาบีดา กล่าวว่า ในส่วนของอีเว้นท์จะดูว่าตัวไหนจัดแล้ว จม ไม่เกิดประโยชน์ จะต้องพับไปก่อน และนำงบประมาณไปใช้ในการส่งเสริมลานวัฒนธรรม หมู่บ้านวัฒนธรรม เพื่อให้เกิดความยั่งยืน และชุมชนได้รับประโยชน์มากขึ้น ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรม มุ่งมั่นที่จะนำทุนทางวัฒนธรรม มาผสมผสานกับความคิดสร้างสรรค์เพื่อ สร้างรายได้ สร้างความยั่งยืน เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ และเพิ่มขีดความสามารถในเวทีโลก

สำหรับเรื่อง หอศิลป์แห่งชาติ ถนนรัชดาภิเษก สร้างแล้วเสร็จเมื่อปี 2563 แต่ยังไม่เคยเปิดใช้เต็มรูปแบบ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้งบประมาณจำกัด และเกิดปัญหาอาคารทรุดโทรมทั้งภายนอกและภายใน อาคารที่ทรุดโทรมอยู่ติดกับห้องทำงานของตนเอง มองออกจากห้องทำงาน เห็นหอศิลป์ที่ทรุดโทรมทุกวัน เป็นเหมือนหนามแทงใจ และตั้งใจจะเร่งพัฒนา โดยคาดว่าจะสามารถใช้พื้นที่ได้ในเดือนกรกฎาคม 2569 เพื่อนำพื้นที่นี้กลับคืนสู่ศิลปะ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด

รมว.วัฒนธรรม กล่าวอีกว่า ในส่วนของหอสมุดแห่งชาติ จะพัฒนาให้เป็นห้องสมุดดิจิทัลแห่งชาติ เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิตที่ทันสมัย สะดวก และเข้าถึงง่าย โดยมีเป้าหมายคือ เปลี่ยนมรดกทางภูมิปัญญาของชาติให้เป็นทรัพยากรสารสนเทศที่เข้าถึงง่าย และลดการเหลื่อมล้ำการเข้าถึงข้อมูล โดยจัดสรรงบประมาณในการแปลงสิ่งพิมพ์หายาก เช่น หนังสือหายาก, ไมโครฟิล์ม, แผ่นเสียง ให้เป็นดิจิทัล โดยใช้มาตรฐานข้อมูลระดับสากล เพื่อสามารถเชื่อมโยงกับหน่วยงานในและต่างประเทศได้

นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาแอปพลิเคชัน NLT Library (National Library of Thailand) เพื่อให้บริการข้อมูลสารสนเทศออนไลน์ และเสริมระบบบริการผู้ใช้งานด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย การบริการนวัตกรรม โดยนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการบริการให้สอดคล้องกับยุคนี้ ทั้งสมาร์ทการ์ดสำหรับลงทะเบียนและค้นหาหนังสือ, ระบบนำทางอัจฉริยะไปยังชั้นหนังสือ, บริการ Video Call สำหรับสอบถามบรรณารักษ์, มีป้ายดิจิทัล เพื่อประชาสัมพันธ์ข้อมูล, ระบบ RFID ติดแท็กหนังสือ ปัจจุบันติดตั้งแล้วกว่า 1 แสนเล่ม, ระบบคิวไร้สาย, ประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AR/VR เพื่อสร้างห้องสมุดเสมือนจริง รวมถึงการใช้สอยพื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น NLT Café Corner, Mini Theater ฉายหนัง สารคดีเก่าทุกวันพุธ และ Co-Working Space ที่รวมถึง Meeting Room

“ดิฉันพยายามที่จะสร้างพื้นที่แหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิตของชาติ ที่สะดวก ทันสมัย เข้าถึงง่าย ควบคู่กับการทําหน้าที่เป็นต้นทาง ความรู้ของชาติ ที่จัดเก็บทรัพยากรสารสนเทศ ซึ่งถือเป็นมรดกภูมิปัญญาที่สําคัญของชาติ” รมว.วัฒนธรรม กล่าว