นายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวว่า กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับพระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย – เนปาล คณะสงฆ์หนเหนือ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ร่วมกันจัดโครงการถวายผ้ากฐินล้านนาและผ้าป่าพัฒนาวัดภาคเหนือ ในวันเสาร์ที่ 25 ตุลาคม ๒๕๖๘ เวลา 09.30 น. ณ มหาศาลาหทัยนเรศว์ร วัดพระธาตุศรีจอมทอง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ และโครงการถวายผ้ากฐิน และผ้าป่าพัฒนาวัดในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในวันอาทิตย์ที่ 2 พฤศจิกายน ๒๕๖๘ เวลา 09.30 น. ณ หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา จังหวัดสงขลา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๘ โดยการถวายผ้ากฐินและผ้าป่าพัฒนาวัดในจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น จะได้นำไปถวายให้กับวัดพุทธ ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 312 วัด ในจังหวัดสงขลา ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส และถวายผ้ากฐินล้านนาและผ้าป่าพัฒนาวัดภาคเหนือ จำนวน 300 วัด ในจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน และแม่ฮ่องสอน ที่ตกค้างกฐิน ไม่มีเจ้าภาพกฐิน หรือบางวัดก็จัดเป็นทอดผ้าป่าเพื่อทำนุบำรุงวัดและเป็นกำลังใจให้กับพระสงฆ์ที่อยู่ในพื้นที่ขาดแคลน โดยสำนักงานพระพุทธศาสนาประจำจังหวัด ได้ทำการสำรวจวัดที่ต้องการความช่วยเหลือวัดที่ไม่มีเจ้าภาพในการทอดกฐิน ทั้งธรรมยุทธและมหานิกาย ซึ่งมีพระสงฆ์ยังอยู่ในพื้นที่เนื่องจากเป็นวัดบ้านเกิด และมีความประสงค์ที่จะรักษาพระพุทธศาสนาให้อยู่ในแผ่นดินเกิด ซึ่งประเพณีการทอดกฐินของพุทธศาสนิกชนไทยมีมาช้านาน โดยมีทั้งพิธีหลวงและพิธีราษฎร์ โดยการถวายผ้าพระกฐินพระราชทานของพระมหากษัตริย์จัดเป็นพระราชพิธีที่สำคัญที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี
อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวต่อว่า พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นพื้นที่ที่มีเหตุการณ์ความไม่สงบมานานหลายปี ทำให้มีวัดและที่พักสงฆ์เป็นจำนวนมากที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยมีกฐินตกค้าง เพราะไม่มีผู้ใดรับเป็นเจ้าภาพกฐิน สำหรับพื้นที่ในภาคเหนือ เป็นวัดที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อุทกภัย และเป็นวัดที่ห่างไกล กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งมีภารกิจทำนุบำรุง ศาสนา ศิลปะ ประเพณีและวัฒนธรรมอันดีงาม และคณะพระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย – เนปาล นำโดยพระธรรมโพธิวงศ์ หัวหน้าพระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย – เนปาล เจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา พระวิเทศวัชราจารย์ เลขานุการหัวหน้าพระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย – เนปาล ทำหน้าที่พระธรรมทูตเผยแผ่พระพุทธศาสนา เห็นความสำคัญของปัญหาดังกล่าว จึงดำเนินการจัดโครงการถวายผ้ากฐินและผ้าป่าพัฒนาวัดในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๘ รวมทั้งเป็นการสืบสานวัฒนธรรมและประเพณีอันดีงามของพุทธศาสนิกชนในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้ยาวนาน และเพื่อเป็นการสืบสานวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของพุทธศาสนิกชนในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้ยาวนานสืบต่อไป ซึ่งจากการสำรวจพบว่า พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีวัดที่จะรับการถวายผ้ากฐินมีจำนวน 12 วัด และวัดที่จะรับการถวายผ้าป่า จำนวน 300 วัด รวม 312 วัด และพื้นที่ในภาคเหนือ มีวัดที่จะรับการถวายผ้ากฐินมีจำนวน 12 วัด และวัดที่จะรับการถวายผ้าป่า จำนวน 288 วัด รวม 300 วัด เพื่อเป็นการส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชนได้น้อมนำหลักธรรม และพิธีกรรม มาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน อันเป็นการส่งเสริมคุณธรรมและเห็นคุณค่าของวัฒนธรรมและพิธีกรรมที่ดีงาม รวมทั้งให้ประชาชนได้แสดงออกถึงความจงรักษ์ภักดีเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ร่วมใจกันในการทำบุญ เพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนา ส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างหน่วยงานราชการ องค์กร คณะสงฆ์ และพุทธศาสนิกชนชาวไทย และสืบสาน อนุรักษ์ สืบทอดประเพณีการทอดผ้ากฐิน ซึ่งเป็นประเพณีวัฒนธรรม เป็นมรดกอันล้ำค่าในพระพุทธศาสนา และของประเทศชาติให้ยั่งยืนสืบไป