รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เผยสถานการณ์ “น้ำท่วม” จาก “พายุบัวลอย” และ “แมตโม” กระทบ 19 จังหวัด บาดเจ็บ 98 ราย เสียชีวิต 15 ราย สูญหาย 1 ราย กระทบสถานพยาบาล 33 แห่ง แต่เกือบทั้งหมดยังสามารถให้บริการได้ กำชับทุกหน่วยงานร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด ช่วยเหลือประชาชนได้ทันท่วงที สั่งเข้ม 4 ข้อสั่งการ ทุกจังหวัดติดตามสถานการณ์และเฝ้าระวังจนกว่าเหตุการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ, จังหวัดน้ำลด/คลี่คลายเร่งฟื้นฟูสถานบริการ เฝ้าระวังและควบคุมป้องกันโรค ติดตามดูแลสุขภาพจิตกลุ่มเสี่ยง, จังหวัดที่น้ำยังท่วม เตรียมพร้อมยาและเวชภัณฑ์ จัดทีมแพทย์และโรงพยาบาลสนาม ส่วนจังหวัดที่รอรับน้ำ เตรียมจุดอพยพ พร้อมทบทวนแผนอพยพผู้ป่วย

วันที่ 7 ตุลาคม 2568 นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม จากอิทธิพลของพายุบัวลอยและแมตโม ว่า มีพื้นที่ได้รับผลกระทบรวม 64 อำเภอ 273 ตำบล 1,801 หมู่บ้าน ใน 19 จังหวัด มีผู้เสียชีวิต 15 ราย สาเหตุหลักจากการพลัดตกน้ำและถูกน้ำพัด ผู้สูญหาย 1 ราย และบาดเจ็บ 98 ราย ส่วนสถานบริการสาธารณสุขได้รับผลกระทบสะสม 33 แห่ง แบ่งเป็น รพ.สต. 28 แห่ง, โรงพยาบาล 4 แห่ง (รพ.แม่สะเรียง, รพ.สบเมย, รพ.ตรอน, รพ.สมเด็จพระยุพราชสะพานหิน) และ สสอ. 1 แห่ง ในจำนวนนี้ ปิดบริการ 1 แห่ง คือ รพ.สต.ผักขวง จ.อุตรดิตถ์ ปิดบางส่วน คือ รพ.สต.น้ำไคร้ จ.อุตรดิตถ์ ที่เหลือ 31 แห่ง ยังคงให้บริการได้ตามปกติ กระทรวงสาธารณสุขได้ส่งทีมเข้าซ่อมบำรุงเครื่องมือแพทย์ที่ชำรุดเสียหาย ระบบไฟฟ้า ยานพาหนะ ระบบน้ำสะอาด และระบบบำบัดน้ำเสีย รวมถึงตรวจสอบความปลอดภัยอาคารสถานที่ เพื่อไม่ให้บริการทางการแพทย์ต้องหยุดชะงัก พร้อมทั้งปรับบริการให้ประชาชนเข้าถึงได้ต่อเนื่อง โดยมาตรการเร่งด่วน ได้จัดตั้งหน่วยแพทย์เคลื่อนที่และหน่วยปฏิบัติการฉุกเฉินในพื้นที่ที่ถูกตัดขาด รวมถึงจัดทีมแพทย์ดูแลในจุดอพยพ สนับสนุนยาและเวชภัณฑ์ที่จำเป็น รวมกว่า 98,334 รายการ และส่วนกลางเตรียมสนับสนุนเพิ่มเติมตามได้รับการร้องขอ
นายพัฒนา กล่าวต่อว่า ได้กำชับให้ทุกหน่วยงานร่วมมือกันอย่างเต็มที่ เพื่อให้สามารถช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบด้านสุขภาพของประชาชนได้อย่างทันท่วงที โดยมีข้อสั่งการ ประกอบด้วย 1) จังหวัดน้ำลด/คลี่คลาย (น่าน อุตรดิตถ์ บางพื้นที่สุโขทัย) ให้เร่งฟื้นฟูสถานบริการที่ถูกน้ำท่วม โดยประสานศูนย์สนับสนุนบริการสุขภาพประจำเขตร่วมตรวจสอบ และเฝ้าระวัง ควบคุมป้องกันโรคที่มากับน้ำท่วม, ให้ติดตามดูแลสุขภาพจิตกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ผู้ป่วยจิตเวชเรื้อรัง ผู้ป่วยฟอกไต เป็นต้น ซึ่งที่ผ่านมา หน่วยงานในพื้นที่ได้ให้การดูแลแล้ว 3,787 คน เป็นผู้สูงอายุมากสุด 2,539 คน รวมถึงยังดูแลเรื่องการฟื้นฟูอนามัยสิ่งแวดล้อม เช่น แหล่งน้ำผิวดิน ระบบสุขาภิบาล ร่วมกับหน่วยงานปกครองท้องถิ่น
2) จังหวัดที่น้ำยังท่วม (สุโขทัย พิจิตร พิษณุโลก อ่างทอง เพชรบูรณ์) ให้รักษาความต่อเนื่องของบริการสาธารณสุข โดยจัดหาและสำรองยา เวชภัณฑ์ ให้เพียงพอ จัดตั้งหน่วยแพทย์เคลื่อนที่/หน่วยปฏิบัติการฉุกเฉิน ในพื้นที่ที่ถูกตัดขาดและศูนย์อพยพ ป้องกันผลกระทบที่อาจมีต่อโรงพยาบาล เช่น ระบบไฟฟ้า เครื่องปั่นไฟ ระบบน้ำสะอาด และระบบบำบัดน้ำเสีย และเตรียมอพยพผู้ป่วยหนักในพื้นที่เสี่ยงสูงไปยังพื้นที่ปลอดภัย/รพ.สนาม 3) จังหวัดรอรับน้ำเพิ่ม (ชัยนาท อยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี กทม. สมุทรปราการ) ให้สถานบริการในพื้นที่ลุ่มต่ำ/นอกคันกั้นน้ำ เตรียมพร้อมขนย้ายเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ขึ้นที่สูง เตรียมจุดอพยพด้านการแพทย์และบริการปฐมพยาบาล ทบทวนแผนอพยพผู้ป่วยไปยังพื้นที่ปลอดภัย และ 4) ให้ทุกจังหวัดติดตามสถานการณ์และเฝ้าระวังฝนตกหนัก น้ำป่า น้ำล้นตลิ่ง จากอิทธิพลของพายุ “แมตโม” จนกว่าเหตุการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ ทั้งนี้ หากสถานการณ์ขยายเพิ่มจนส่งผลกระทบรุนแรง จะเปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขในระดับกระทรวง (Public Health Emergency Operations Center : PHEOC) เพื่อสนับสนุนทีมปฏิบัติการฉุกเฉินและทรัพยากรจากส่วนกลางเพิ่มเติม













