“พัฒนา” สั่งการ สธ.เขต 2 จัดทีมดูแลผู้ประสบภัยน้ำท่วมจาก “พายุบัวลอย” พบ รพ.เสียหาย 5 แห่ง

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เผยสถานการณ์ “น้ำท่วม” จาก “พายุบัวลอย” กระทบ 4 จังหวัดในเขตสุขภาพที่ 2 พบบาดเจ็บ 52 คน เสียชีวิต 6 ราย สูญหาย 4 ราย สถานพยาบาลเสียหาย 5 แห่ง ปิดบริการ 4 แห่ง เปิดบริการบางส่วน 1 แห่ง กำชับพื้นที่เสี่ยงเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ จัดทีมแพทย์และโรงพยาบาลสนามดูแลประชาชน ช่วยเหลือเคลื่อนย้ายกลุ่มเปราะบาง เตรียมพร้อมยาและเวชภัณฑ์ พร้อมเตรียมแผนฟื้นฟูหลังน้ำลด

วันที่ 3 ตุลาคม 2568 นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงสถานการณ์อุทภัยและดินโคลนถล่มจากอิทธิพลของพายุบัวลอย ว่า จากรายงานของกองสาธารณสุขฉุกเฉินตั้งแต่วันที่ 29 กันยายน – วันที่ 3 ตุลาคม 2568 พบว่า ได้รับผลกระทบทั้งหมด 4 จังหวัดในเขตสุขภาพที่ 2 ได้แก่ อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และสุโขทัย รวม 18 อำเภอ มีประชาชนได้รับผลกระทบ 41,536 คน จำนวนนี้เป็นกลุ่มเปราะบาง 371 คน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 52 คน เสียชีวิต 6 ราย (อุตรดิตถ์ 5 ราย พิษณุโลก 1 ราย) และมีผู้สูญหาย 4 รายใน จ.อุตรดิตถ์ (อ.ทองแสนขัน 1 ราย อ.น้ำปาด 2 ราย อ. พิชัย 1 ราย) ส่วนหน่วยบริการสังกัดกระทรวงสาธารณสุขได้รับความเสียหาย 5 แห่ง ได้แก่ อุตรดิตถ์ 3 แห่ง พิษณุโลก 1 แห่ง และเพชรบูรณ์ 1 แห่ง โดยยังเปิดบริการบางส่วน 1 แห่ง ปิดบริการ 4 แห่ง ขณะนี้ได้สั่งการให้พื้นที่ติดตามสถานการณ์ผลกระทบจากพายุบัวลอยอย่างใกล้ชิด โดยให้เฝ้าระวังสถานการณ์และประเมินความเสี่ยงของสถานพยาบาล และมอบหมายให้หน่วยบริการภายในเขตสุขภาพที่ 2 ให้การช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยและดินโคลนถล่มอย่างเต็มที่และเร่งด่วน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางและผู้ป่วยติดเตียง ให้เตรียมแผนเคลื่อนย้ายผู้ป่วยกลุ่มเปราะบางไปยังศูนย์อพยพหรือโรงพยาบาลที่ปลอดภัย เตรียมความพร้อมระบบบริการ ทีมปฏิบัติการฉุกเฉินทางการแพทย์ และระบบส่งต่อให้พร้อมรองรับสถานการณ์ สำรองยาและเวชภัณฑ์ให้เพียงพอต่อการใช้งาน สื่อสารความเสี่ยงเกี่ยวกับโรคที่มากับน้ำท่วม เช่น โรคฉี่หนู โรคอุจจาระร่วง และภัยอันตรายอื่นๆ เช่น ไฟฟ้าดูด จมน้ำ รวมถึงเตรียมแผนฟื้นฟูหลังน้ำลด โดยดูแลสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม สุขภาพจิต เฝ้าระวังโรคระบาดที่มากับน้ำ รวมถึงประเมินและฟื้นฟูความเสียหายของสถานพยาบาลที่ได้รับผลกระทบ และรีบซ่อมแซมให้สามารถกลับมาให้บริการได้โดยเร็ว

ด้าน นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สถานพยาบาลที่ได้รับผลกระทบ 5 แห่ง ได้แก่ 1.รพ.สต.น้ำไคร้ อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ พบน้ำท่วมพื้นที่ รพ.สต. ยังเปิดให้บริการบางส่วน 2.รพ.สต.ผักขวง อ.ทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์ พบอาคารชั้น 1 พังเสียหาย ประตูกระจกภายในอาคารแตก กำแพงรั้วด้านข้างล้มพังทลาย และบ้านพักเจ้าหน้าที่เสียหาย 3 หลัง ขณะนี้ปิดให้บริการ 3.รพ.ตรอน จ.อุตรดิตถ์ พบน้ำเข้าบริเวณชั้น 1 ไม่มีไฟฟ้า ต้องส่งต่อคนไข้ในไปรักษาต่อที่ รพ.อุตรดิตถ์ และ รพ.พิชัย ขณะนี้ปิดให้บริการ แต่ได้เปิดโรงพยาบาลสนามที่หอประชุมแทน 4.รพ.สต.บ้านน้ำจวง อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก น้ำท่วมอาคารชั้น 1 ต้องปิดให้บริการ และ 5.รพ.สต. ปากดุก อ.หล่มสัก เพชรบูรณ์ น้ำท่วมพื้นที่ รพ.สต.ต้องปิดให้บริการเช่นกัน เบื้องต้นมีการจัดตั้งศูนย์พักพิงใน จ.อุตรดิตถ์ ทั้งหมด 11 แห่ง มีผู้รับบริการ 195 คน ส่วนการดำเนินการด้านการแพทย์และสาธาาณสุข ขณะนี้มีการเปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (PHEOC) ระดับจังหวัดใน 3 จังหวัด คือ พิษณุโลก อุตรดิตถ์ และสุโขทัย รวมถึง นพ.สุภโชค เวชภัณฑ์เภสัช ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขเขตสุขภาพที่ 2 ได้สั่งการเปิด PHEOC ระดับเขตสุขภาพ เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2568 และมอบสาธารณสุขนิเทศก์ลงพื้นที่เยี่ยมประชาชนและหน่วยบริการที่ได้รับผลกระทบใน จ.อุตรดิตถ์ เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2568 ตลอดจนสั่งการให้หน่วยบริการที่อยู่ในพื้นที่มีความเสี่ยงวางแผนการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย และครุภัณฑ์ทางการแพทย์ให้ปลอดภัย

“ขณะนี้แต่ละจังหวัดได้ส่งทีมปฏิบัติการด้านการแพทย์และสาธารณสุขออกช่วยเหลือประชาชนและกลุ่มเปราะบาง  พร้อมเปิดโรงพยาบาลสนามให้บริการประชาชน ส่วนสำนักงานเขตสุขภาพที่ 2 ได้ประสานและบริหารจัดการเวชภัณฑ์ภายในเขต โดยมีศูนย์วิชาการในเขตให้การสนับสนุนและช่วยเหลือจังหวัดที่ได้รับผลกระทบในระยะประสบภัยและระยะฟื้นฟู รวมถึงร่วมกับทีม SAT เขต ติดตามและรวบรวมรายงานสถานการณ์จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกวันก่อนเวลา 16.30 น. และมอบหมายให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสนับสนุนการฟื้นฟูหน่วยบริการที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยให้สามารถกลับมาให้บริการได้ตามปกติ และวางแผนป้องกันการเกิดเหตุซ้ำซ้อน” นพ.สมฤกษ์กล่าว