เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568 ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะสมาชิกคณะกรรมการร่วม คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง หัวหน้าคณะผู้แทนไทย พร้อมด้วย นางพัชรวีร์ สุวรรณิก รองเลขาธิการ สทนช. นายชุมลาภ เตชะเสน ผู้ช่วยเลขาธิการ สทนช. ดร.วินัย วังพิมูล ผู้อำนวยการกองการต่างประเทศ สทนช. และผู้แทนจากกระทรวงการต่างประเทศ เข้าร่วมการประชุมประเทศคู่เจรจา ครั้งที่ 29 (29th Dialogue Partners Meeting: DiP) ณ สำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRCS) นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว)
สำหรับการประชุมในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อรับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานระหว่างคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงและประเทศคู่เจรจา ได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนจีนและสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา (เมียนมา) ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาประเด็นสำคัญด้านการจัดการทรัพยากรน้ำในระดับภูมิภาคต่าง ๆ โดยเฉพาะการรายงานสภาพอุทกวิทยาและสิ่งแวดล้อมในลุ่มน้ำโขงตอนบนและตอนล่าง และการติดตามและประเมินคุณภาพน้ำ รวมถึงการพัฒนากลไกการแลกเปลี่ยนข้อมูลการบริหารจัดการเขื่อน เพื่อสนับสนุนการวางแผนและบริหารจัดการอุทกภัยในปี 2568
โดยประเทศไทยได้เน้นย้ำที่ประชุมว่า การพัฒนากลไกการบริหารจัดการเขื่อน มีความสำคัญต่อการจัดการทรัพยากรน้ำตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยการแลกเปลี่ยนข้อมูลเขื่อนซึ่งกันและกัน ถือว่าเป็นก้าวแรกที่สำคัญ ควรจะต้องมีการทำงานร่วมกันและประสานงานกันเพิ่มขึ้น เพื่อสร้างความเข้าใจในแนวทางการบริหารจัดการเขื่อนร่วมกันและเพื่อประโยชน์ทั้งด้านพลังงานควบคู่ไปกับการป้องกันและลดผลกระทบต่ออุทกภัยที่คาดว่าจะเกิดขึ้นบริเวณด้านท้ายเขื่อน โดยประเทศไทยเสนอให้ MRCS และประเทศคู่เจรจา (Dialogue Partners) ร่วมกันพัฒนาศูนย์ประสานงานและจัดการเขื่อนในลุ่มน้ำโขงให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว

ขณะเดียวกันประเทศไทยได้เร่งรัดการติดตามคุณภาพน้ำร่วมกันระหว่างไทย สปป.ลาว และเมียนมา ให้เกิดความก้าวหน้าเป็นรูปธรรม เนื่องจากประเทศไทยได้รับผลกระทบต่อเนื่องยาวนาน ทั้งด้านสุขภาพ สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และความเป็นอยู่ของชุมชน โดยได้สอบถามถึงความคืบหน้าและกรอบเวลาที่ชัดเจน ภายหลังที่ประเทศสมาชิกเห็นชอบร่างเอกสารแนวคิด (Concept Note) ในการติดตามคุณภาพน้ำร่วมกัน ที่สืบเนื่องจากการประชุมร่วมกับเมียนมา เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2568 ที่จังหวัดเชียงราย แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่ปรากฏผลคืบหน้า โดย MRCS ชี้แจงว่าผู้แทนเมียนมาอยู่ระหว่างการพิจารณาร่างเอกสารแนวคิดดังกล่าว ทั้งนี้ ประเทศไทยเรียกร้องให้ MRCS เร่งรัดการดำเนินงาน เนื่องจากกระทบโดยตรงต่อประชาชน โดยเฉพาะในจังหวัดเชียงราย ทั้งนี้ สทนช. จะได้ติดตามเร่งรัดการดำเนินงานอย่างใกล้ชิดต่อไป เลขาธิการ สทนช. กล่าว









