รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นำทีมผู้แทนไทยเข้าร่วมประชุมระดับสูงเขตเศรษฐกิจเอเปคด้านสาธารณสุขและเศรษฐกิจ ครั้งที่ 15 และ World Bio Summit ครั้งที่ 4 ถกเข้มการใช้ AI ในระบบสาธารณสุขและระบบนิเวศชีวภาพ พร้อมร่วมเปิดตัวแผนป้องกันควบคุมโรคไข้เลือดออกและแผนงานกำจัดมะเร็งปากมดลูกในเขตเศรษฐกิจเอเปค ตั้งเป้าฉีดวัคซีน 90% ตรวจคัดกรอง 70% และรักษา 90%
วันที่ 18 กันยายน 2568 นพ.ศักดา อัลภาชน์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าคณะนำทีมผู้แทนกระทรวงสาธารณสุขประเทศไทย เข้าร่วมประชุมระดับสูงเขตเศรษฐกิจเอเปคด้านสาธารณสุขและเศรษฐกิจ ครั้งที่ 15 และการประชุม World Bio Summit ครั้งที่ 4 ระหว่างวันที่ 15-17 กันยายน 2568 ณ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี โดยที่ประชุมระดับสูงฯ ได้มีการหารือแลกเปลี่ยนนโยบายและแนวทางส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจควบคู่กับระบบสาธารณสุขที่เข้มแข็งและครอบคลุม ซึ่งทีมผู้แทนสาธารณสุขได้ร่วมแบ่งปันนโยบายและการปฏิบัติที่ดีของไทย รวมทั้งเสนอให้มีความร่วมมือระหว่างเขตเศรษฐกิจสมาชิกเอเปค เพื่อส่งเสริมความมั่นคงด้านสุขภาพและการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน โดยเฉพาะประเด็นการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในระบบสาธารณสุข การส่งเสริมสุขภาพและการสูงวัยอย่างมีศักยภาพ และการส่งเสริมสุขภาพจิตเยาวชน นอกจากนี้ ยังได้เข้าร่วมหารือและแลกเปลี่ยนการดำเนินงานด้านไข้เลือดออกของไทย ซึ่งได้มีการเปิดตัวแผนงานเพื่อส่งเสริมการป้องกันและควบคุมโรคไข้เลือดออกในเขตเศรษฐกิจเอเปค พ.ศ. 2569 – 2573 โดยร่วมหารือกับสภาที่ปรึกษาธุรกิจเอเปค เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองด้านการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับเทคโนโลยีสุขภาพอัจฉริยะและเชิงนวัตกรรม และการสร้างระบบการดูแลสุขภาพที่ครอบคลุมและมีความคล่องตัว
นพ.ศักดา กล่าวต่อว่า ภายในงานยังมีการเปิดตัวแผนงานเร่งรัดการกำจัดมะเร็งปากมดลูกในเขตเศรษฐกิจเอเปค พ.ศ. 2569 – 2573 ซึ่งตั้งเป้า 90-70-90 คือ ฉีดวัคซีนเด็กผู้หญิงให้ครอบคลุม 90% ตรวจคัดกรองผู้หญิงครอบคลุม 70% และการรักษาให้ได้ 90% ทั้งนี้ เพื่อเป็นการแสดงเจตนารมณ์ของเขตเศรษฐกิจเอเปค ที่ประชุมฯ ได้รับรองถ้อยแถลงร่วม เพื่อส่งเสริมความร่วมมือในการเสริมสร้างระบบสุขภาพที่มีความยืดหยุ่นและยั่งยืน เพื่อให้ประชากรมีสุขภาพดีและเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกเจริญเติบโต ส่วนการประชุม World Bio Summit ครั้งที่ 4 ได้แลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ ความรู้ และประสบการณ์ เกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ด้านสุขภาพและธรรมาภิบาลเพื่อประโยชน์ส่วนรวม คลัสเตอร์ชีวภาพและการพัฒนานวัตกรรมในระบบนิเวศชีวภาพที่เกินขอบเขตภูมิภาคและประเทศ และเทคโนโลยีสำหรับผู้สูงวัยและสุขภาพและการมีอายุยืนแบบมีศักดิ์ศรีผ่านนวัตกรรม
“การเข้าร่วมทั้งสองการประชุมดังกล่าวเป็นโอกาสดีของไทยในการแลกเปลี่ยนนโยบายและประสบการณ์ เพื่อนำองค์ความรู้ที่ได้รับจากการประชุมฯ มาปรับใช้และพัฒนาระบบสาธารณสุขไทยให้สามารถตอบสนองต่อความท้าทายต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ของประชาชนในอนาคต” นพ.ศักดากล่าว