สช. และ กทม. แจ้ง ข่าวดี! 7 เขต ‘กรุงเทพฯ เหนือ’ พัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มคนเปราะบาง จ่อสร้างโรงพยาบาลใหม่ ‘ดอนเมือง’

ปักหมุดยกระดับคุณภาพชีวิตประชากรกลุ่มเปราะบางในพื้นที่ 7 เขตเมืองกรุง “บางซื่อ-บางเขน-ดอนเมือง-หลักสี่-จตุจักร-ลาดพร้าว-สายไหม” หลัง “สมัชชาสุขภาพฯ กลุ่มเขตกรุงเทพเหนือ” รับรองนโยบายสาธารณะฯ ทั้งจัดสวัสดิการ-อาหาร-อาชีพ-รักษาพยาบาล ให้คนตัวเล็กตัวน้อย ด้านรองปลัดฯ กทม. ระบุ นี่ไม่ใช่เพียงแค่ข้อเสนอ แต่คือทิศทางที่จะเดินหน้า พร้อมเผยข่าวดี! เตรียมสร้างโรงพยาบาลแห่งใหม่ในเขตดอนเมือง

สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ร่วมกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และเครือข่าย 6 มหาวิทยาลัย ศูนย์วิชาการสุขภาวะเขตเมือง จัดเวที สมัชชาสุขภาพกลุ่มเขตกรุงเทพเหนือ พ.ศ. 2568 เมื่อวันที่ 14 ก.ย. 2568 เพื่อพิจารณาและรับรองนโยบายสาธารณะที่พัฒนาขึ้นจากกระบวนการการมีส่วนร่วมโดยผู้แทนประชาชนในพื้นที่กลุ่มเขตกรุงเทพเหนือ จำนวน 7 เขต ได้แก่ เขตบางซื่อ เขตบางเขน เขตดอนเมือง เขตหลักสี่ เขตจตุจักร เขตลาดพร้าว เขตสายไหม ตลอดจนภาคีเครือข่ายภาครัฐ ภาควิชาการ ภาคประชาชน

สำหรับนโยบายสาธารณะดังกล่าว เรียกว่ามติสมัชชาสุขภาพกลุ่มเขตกรุงเทพเหนือ พ.ศ. 2568 มติ “การพัฒนาคุณภาพชีวิตประชากรที่อยู่ในภาวะเปราะบางกลุ่มเขตกรุงเทพเหนือ” ซึ่งเป็นกรอบและทิศทางการดำเนินการให้ประชากรที่อยู่ในภาวะเปราะบางในกลุ่มเขตกรุงเทพเหนือ อาทิ ผู้สูงอายุ คนพิการ ผู้ป่วยติดเตียง คนไร้ที่พึ่ง และคนไร้บ้าน สามารถเข้าถึงสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ขั้นพื้นฐานในการดำรงชีพได้อย่างมีคุณภาพ มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ โดยผู้แทนสำนักอนามัย กทม. ได้รับมอบมติฯ เพื่อนำไปสู่การผลักดันให้เกิดการขับเคลื่อนที่เป็นรูปธรรมต่อไป

นพ.สุนทร สุนทรชาติ รองปลัด กทม. เปิดเผยว่า กระบวนการสมัชชาสุขภาพเปิดโอกาสให้ผู้คนทุกภาคส่วนไม่ว่าจะอยู่ในกลุ่มใด ได้มารวมตัวกันจัดทำนโยบายภาคประชาชน ระดมความคิดเห็นให้เกิดเป็นนวัตกรรมทางสังคม ฉะนั้นมติสมัชชาสุขภาพฯ มติ “การพัฒนาคุณภาพชีวิตประชากรที่อยู่ในภาวะเปราะบางกลุ่มเขตกรุงเทพเหนือ” จึงไม่ใช่เพียงแค่ข้อเสนอ แต่คือทิศทางที่ กทม. จะเดินหน้าไปสู่การสร้างสุขภาวะที่ดีให้กับทุกคน

สำหรับประชาชนในเขตพื้นที่ กทม.เหนือ อีกไม่นานจะมีโรงพยาบาลใหม่เข้ามาให้การดูแล ร่วมกับโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ และโรงพยาบาลเอกชนต่างๆ ที่มีอยู่ เพราะล่าสุดทางคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช ได้รับความอนุเคราะห์พื้นที่จากวัดปากน้ำในบริเวณแขวงสีกัน เขตดอนเมือง เพื่อสร้างโรงพยาบาล ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนในการออกแบบ โดยข้อมูลเบื้องต้นเป็นโครงการก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลขนาด 200 เตียง ภายใต้งบประมาณก่อสร้างระยะเวลา 5 ปี (2569-2573) จำนวน 1,999 ล้านบาท ซึ่งในส่วนของรายละเอียดต่างๆ จะมีการประชาสัมพันธ์จากทางมหาวิทยาลัยอีกครั้ง

ศ. ดร.นฤมล นิราทร ประธานอนุกรรมการวิชาการสนับสนุนการจัดและขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า มติสมัชชาสุขภาพกลุ่มเขตกรุงเทพเหนือ พ.ศ. 2568 ที่ได้รับการรับรอง เป็นนโยบายสาธารณะที่ผ่านการประชุมทั้งในอนุกรรมการฯ และระดับชุมชน มาแล้วรวม 6 ครั้ง จึงแน่ใจได้ว่าเป็นนโยบายที่มาจากประชาชนอย่างแท้จริง โดยสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากวันนี้คือการทำโรดแมปการขับเคลื่อน ให้ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องมาเข้าใจมติร่วมกัน

สำหรับการขับเคลื่อนมติฯ จะมุ่งไปสู่การสร้างหลักประกันทางสังคมเพื่อดูแลคุ้มครองและพัฒนาศักยภาพของผู้ที่อยู่ในภาวะเปราะบาง เช่น การจัดสวัสดิการพื้นฐาน ค่าครองชีพ อาหาร ของใช้จำเป็น ตลอดจนพัฒนาระบบการพยาบาลและดูแลสุขภาพในชุมชนโดยใช้ศูนย์บริการสาธารณสุขเป็นกลไกหลัก รวมถึงจัดระบบขนส่งสาธารณะที่เข้าถึงได้ง่าย พัฒนาระบบ BKK Food Bank เพื่อรวบรวมและส่งต่ออาหารและของใช้จำเป็น มีการส่งเสริมอาชีพและทักษะ และใช้กองทุนหลักประกันสุขภาพกรุงเทพมหานครสนับสนุนการทำงาน ฯลฯ

ดร.นพ.วิรุฬ ลิ้มสวาท รองประธานอนุกรรมการวิชาการสนับสนุนการจัดและขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กทม.เป็นพื้นที่ที่มีความซับซ้อนสูง ยากที่จะกำหนดนโยบายให้ครอบคลุม จึงได้มีการพัฒนานวัตกรรมทางสังคมใหม่คือการแบ่งโซนหรือจัดสมัชชาสุขภาพในระดับกลุ่มเขต โดยในวันนี้เริ่มนําร่องในกลุ่มเขตกรุงเทพเหนือเป็นโซนแรก เชื่อว่าจะช่วยให้นโยบายมีความใกล้ตัวกับประชาชนมากขึ้น เกิดความรู้สึกร่วมเป็นเจ้าของและเข้ามามีส่วนในการขับเคลื่อน สร้างความมั่นใจถึงพลังอำนาจของทุกคนในการกำหนดทิศทางอนาคตและร่วมขับเคลื่อนนโยบายของประเทศนี้ต่อไป

นายเตชิต ชาวบางพรหม ผู้อำนวยการสำนักนโยบายสาธารณะเขตเมือง สช. กล่าวว่า ข้อดีของการแบ่งโซนการจัดสมัชชาสุขภาพ กทม. คือการเปิดพื้นที่เพื่อรับฟังคนตัวเล็กตัวน้อยเพิ่มขึ้น และเปิดกว้างให้ผู้ที่ไม่เคยเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการสมัชชาสุขภาพฯ ได้เข้ามาร่วมมากขึ้น โดยในปี 2568 จะมีการจัดสมัชชาสุขภาพใน 2 โซน คือกลุ่มเขตกรุงเทพเหนือและกลุ่มเขตกรุงธนเหนือ ส่วนอีก 4 โซนจะมีการจัดในช่วงปี 2569

ทั้งนี้ เมื่อจัดครบทั้ง 6 โซนแล้ว จะมีการรวบรวมประเด็นทั้งหมดไปรายงานต่อสมัชชาสุขภาพกรุงเทพมหานคร ที่จะจัดขึ้นในช่วงปลายปี 2569 และสอดรับกับช่วงปีสุดท้ายของวาระการดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ดังนั้นข้อเสนอจากทั้ง 6 โซนพื้นที่จะเป็นเครื่องมือนโยบายสาธารณะที่สำคัญต่อผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ กทม. ในอนาคต

นายเตชิต กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา สช. ได้ร่วมกับ กทม. สนับสนุนกลไกให้คนเล็กคนน้อยใน กทม. มีโอกาสพูดคุยแลกเปลี่ยนและออกแบบนโยบายสร้างทางเลือกของตัวเองผ่านเครื่องมือภายใต้ พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 ที่ชื่อว่าธรรมนูญสุขภาพ โดยเป็นการจัดทำธรรมนูญสุขภาพระดับเขตพื้นที่ ซึ่งคาดว่าภายในปี 2569 กทม. จะมีธรรมนูญสุขภาพกรุงเทพมหานคร ครบทั้ง 50 เขต

ขณะที่กระบวนการพัฒนานโยบายสาธารณะในระดับประเทศ สช. และภาคีเครือข่าย จะมีการจัดเวที สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 18 พ.ศ. 2568 ขึ้นในช่วงระหว่างวันที่ 27-28 พ.ย. 2568 ณ อาคารอิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี จ.นนทบุรี ภายใต้ประเด็นหลัก (Theme) คือ “เศรษฐกิจยุคใหม่ สร้างสุขภาวะไทยยั่งยืน” ซึ่งขณะนี้มีประเด็นที่อยู่ในระหว่างการพัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบาย จำนวน 5 ประเด็น โดยผู้ที่สนใจสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการต่างๆ ได้