1. ปริมาณฝนสะสม 24 ชม. สูงสุด ได้แก่ ภาคเหนือ : จ.ลำปาง (122 มม.) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จ.ชัยภูมิ (29 มม.) ภาคกลาง : จ.นนทบุรี (83 มม.) ภาคตะวันออก : จ.จันทบุรี (53 มม.) ภาคตะวันตก : จ.กาญจนบุรี(50 มม.) ภาคใต้ : จ.สุราษฎร์ธานี (71 มม.)
สภาพอากาศวันนี้ : ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคง
พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง
คาดการณ์ : ช่วงวันที่ 12 – 16 ก.ย. 68 ร่องมรสุมจะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยยังคงมีกำลังปานกลาง ทำให้ภาคเหนือตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนจะเริ่มมีฝนลดลง ในขณะที่ประเทศไทยยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบริเวณภาคตะวันออก
2. สถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในภาพรวม : ปริมาณน้ำรวม 74% ของความจุเก็บกัก (59,317 ล้าน ลบ.ม.) ปริมาณน้ำใช้การ 61% (35,197 ล้าน ลบ.ม.)
3. ข่าวประชาสัมพันธ์ : วานนี้ (10 ก.ย. 68) ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นประธานการประชุมคณะทำงานอำนวยการบริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย ลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ ครั้งที่ 5/2568 ณ ศาลากลาง
จังหวัดสกลนคร และผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ จากนั้นได้ลงพื้นที่ติดตามการเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์อุทกภัย บริเวณหนองสนม อ.เมืองสกลนคร จ.สกลนคร
จากอิทธิพลของพายุวิภา คาจิกิ และหนองฟ้า ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับกรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) ประเมินว่าในช่วง 2 – 3 วันนี้ มีแนวโน้มฝนตกในพื้นที่ค่อนข้างมาก และจะเพิ่มขึ้นอีกครั้งในช่วงปลายเดือนกันยายนถึงต้นเดือนตุลาคม ดังนั้น สทนช. จึงได้ประชุมร่วมกับจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหารือแนวทางการบริหารจัดการน้ำในแหล่งน้ำที่มีแนวโน้มเกินความจุเก็บกัก และซักซ้อมการเตรียมความพร้อมรับมืออุทกภัยร่วมกัน เพื่อป้องกันและบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน โดยเฉพาะหนองหาร จ.สกลนคร ที่มีปริมาณน้ำเกินความจุเก็บกัก ซึ่ง สทนช. ได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์และประเมินความพร้อมในการรับมืออุทกภัย
โดยปัจจุบันหนองหารยังคงพร่องน้ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมพื้นที่ว่างรองรับมวลน้ำหากเกิดฝนตกหนักระลอกใหม่ พร้อมทั้งเร่งกำจัดวัชพืชที่ขวางทางน้ำบริเวณประตูระบายน้ำสุรัสวดี และติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติมบริเวณประตูระบายน้ำหนองบึง เพื่อให้การระบายน้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ในขณะเดียวกัน เขื่อนน้ำอูน จ.สกลนคร มีปริมาณน้ำมากถึงร้อยละ 90 ของความจุเก็บกัก และคาดว่าในอีก 7 วันข้างหน้า อาจเพิ่มสูงขึ้นเป็นร้อยละ 94 – 97 ของความจุเก็บกัก โดยมีการระบายน้ำสูงสุดตามศักยภาพเพื่อพร่องน้ำ จึงได้มอบหมายให้กรมชลประทานเตรียมแผนสำรองเพื่อรองรับกรณีเกิดฝนตกหนักและมีปริมาณน้ำเกินความจุเก็บกัก พร้อมกำชับให้คำนึงถึงผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายน้ำอย่างรอบคอบ สำหรับเขื่อนห้วยหลวง จ.อุดรธานี ปัจจุบันมีปริมาณน้ำร้อยละ 97 ของความจุเก็บกัก และมีแนวโน้มเกินความจุในอีก 7 วันข้างหน้า จึงได้พิจารณาพร่องน้ำเพิ่มเติมเพื่อป้องกันน้ำล้นเขื่อน พร้อมเร่งผลักดันน้ำในพื้นที่ท้ายน้ำที่มีลักษณะเป็นคอคอด รวมถึงติดตั้งเครื่องสูบน้ำและเสริมคันกั้นน้ำเพิ่มเติมในจุดที่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำเพื่อลดผลกระทบให้ได้มากที่สุด ทั้งนี้จะต้องมีการบริหารจัดการให้สอดคล้องกันในภาพรวม โดยทุกจังหวัดและหน่วยงานประสานงานอย่างใกล้ชิด และประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำให้ประชาชนได้รับทราบอย่างทั่วถึง เพื่อเตรียมความพร้อมเชิงป้องกันได้อย่างทันท่วงที