1. ปริมาณฝนสะสม 24 ชม. สูงสุด ได้แก่ ภาคเหนือ : จ.ลำปาง (91 มม.) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จ.หนองคาย (81 มม.) ภาคกลาง : จ.สิงห์บุรี (103 มม.) ภาคตะวันออก : จ.ตราด (91 มม.) ภาคตะวันตก : จ.ราชบุรี (67 มม.) ภาคใต้ : จ.ปัตตานี (133 มม.)
สภาพอากาศวันนี้ : ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่างและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออก บริเวณจังหวัดระยอง จันทบุรี และตราด
คาดการณ์ : ช่วงวันที่ 12 – 14 ก.ย. 68 ร่องมรสุมจะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออกและภาคตะวันออก เฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยยังคงมีกำลังปานกลาง
ทำให้ภาคเหนือตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนจะเริ่มมีฝนลดลง ส่วนภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง
2. พื้นที่ประสบอุทกภัย : วันที่ 8 ก.ย. 68 เกิดสถานการณ์อุทกภัย ในพื้นที่ 8 จ. 35 อ. ได้แก่ จ.พิษณุโลก (อ.วังทอง และบางระกำ) จ.ลำปาง (อ.เถิน และสบปราบ) จ.พิจิตร (อ.สามง่าม โพนทะเล โพธิ์ประทับช้าง บึงนาราง บางมูลนาก ทับคล้อ เมืองฯ ดงเจริญ และสากเหล็ก) จ.เพชรบูรณ์ (อ.เมืองฯ ศรีเทพ หนองไผ่ วิเชียรบุรี บึงสามพัน และชนแดน) จ.ชลบุรี (อ.เมืองฯ ศรีราชา สัตหีบ และบางละมุง) จ.จันทบุรี (อ.เมืองฯ มะขาม ท่าใหม่ เขาคิชฌกูฏ และแหลมสิงค์) จ.สมุทรปราการ (อ.เมืองฯ และบางพลี) และ จ.พระนครศรีอยุธยา (อ.เสนา ผักไห่ บางบาล บางไทร และพระนครศรีอยุธยา)
3. สถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในภาพรวม : ปริมาณน้ำรวม 73% ของความจุเก็บกัก (58,583 ล้าน ลบ.ม.) ปริมาณน้ำใช้การ 59% (34,462 ล้าน ลบ.ม.)
การประเมินสถานการณ์แหล่งน้ำ
– เฝ้าระวังแหล่งน้ำขนาดใหญ่ปริมาณน้ำสูงกว่าเกณฑ์เก็บกักสูงสุด จำนวน 10 แห่ง ดังนี้ ภาคเหนือ : อ่างเก็บน้ำแม่มอก
สิริกิติ์ และแควน้อยบำรุงแดน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : อ่างเก็บน้ำห้วยหลวง น้ำพุง น้ำอูน จุฬาภรณ์ และอุบลรัตน์ และภาคตะวันออก : อ่างเก็บน้ำบางพระ และนฤบดินทรจินดา
– เฝ้าระวังแหล่งน้ำขนาดกลางที่มีปริมาณน้ำเก็บกักมากกว่า 80-100% จำนวน 108 แห่ง ดังนี้ ภาคเหนือ 27 แห่ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 64 แห่ง ภาคกลาง 1 แห่ง ภาคตะวันออก 13 แห่ง และภาคใต้ 3 แห่ง
– เฝ้าระวังแหล่งน้ำขนาดกลางที่มีปริมาณน้ำเก็บกักมากกว่า 100% จำนวน 42 แห่ง ดังนี้ ภาคเหนือ 6 แห่ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 31 แห่ง ภาคตะวันออก 4 แห่ง และภาคใต้ 1 แห่ง
4.ข่าวประชาสัมพันธ์ : เมื่อวันที่ 5 ก.ย. 68”ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะเลขาธิการสำนักเลขาธิการคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย และคณะ เข้าร่วมประชุมคณะทำงานด้านเทคนิคคณะกรรมาธิการร่วม เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานตามระเบียบปฏิบัติ เรื่อง “การแจ้ง การปรึกษาหารือล่วงหน้า และข้อตกลง โครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนสานะคาม สปป. ลาว” ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
โดยประเทศไทยได้เน้นย้ำข้อห่วงกังวลต่อผลกระทบข้ามพรมแดนทั้งจากหน่วยงานภาครัฐ องค์กรอิสระ ภาคประชาชน นักวิชาการ สถาบันการศึกษา ที่ได้ให้ความเห็นและข้อเสนอแนะจากการประชุมเวทีวิชาการ เวทีรับฟังความเห็นและเวทีให้ข้อมูล และเวทีที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งเน้นย้ำเจตนารมณ์ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือเพื่อการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงอย่างยั่งยืน พ.ศ. 2538”และเน้นย้ำขอให้ สปป. ลาว พิจารณาย้ายที่ตั้งเขื่อนสานะคาม รวมทั้ง ราชอาณาจักรกัมพูชา และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามได้นำเสนอข้อห่วงกังวลทั้งในด้านอุทกวิทยา/ชลศาสตร์ คุณภาพน้ำ ระบบนิเวศ และสัตว์น้ำ ความปลอดภัยเขื่อน และเศรษฐกิจ-สังคม สำหรับการประชุมในครั้งนี้ สปป. ลาว ได้นำความเห็นและข้อเสนอแนะจากประเทศสมาชิกไปหารือในระดับนโยบายระดับสูง และจะแจ้งผลการตัดสินใจให้ประเทศไทยรับทราบภายหลัง