1. ปริมาณฝนสะสม 24 ชม. สูงสุด ได้แก่ ภาคเหนือ : จ.เชียงราย (90 มม.) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จ.อุดรธานี (78 มม.) ภาคกลาง : กรุงเทพมหานคร (129 มม.) ภาคตะวันออก : จ.จันทบุรี (72 มม.) ภาคตะวันตก : จ.กาญจนบุรี (39 มม.) ภาคใต้ : จ.พังงา (63 มม.)
สภาพอากาศวันนี้ : ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออกบริเวณ จ.นครนายก ปราจีนบุรี และตราด
คาดการณ์ : ช่วงวันที่ 8 – 11 ก.ย. 68 ร่องมรสุมจะเลื่อนขึ้นไปพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง
2. สถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในภาพรวม : ปริมาณน้ำรวม 71% ของความจุเก็บกัก (57,497 ล้าน ลบ.ม.) ปริมาณน้ำใช้การ 58% (33,375 ล้าน ลบ.ม.)
การประเมินสถานการณ์แหล่งน้ำ
– เฝ้าระวังแหล่งน้ำขนาดใหญ่ปริมาณน้ำสูงกว่าเกณฑ์เก็บกักสูงสุด จำนวน 8 แห่ง ดังนี้ ภาคเหนือ : อ่างเก็บน้ำแม่มอก และสิริกิติ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : อ่างเก็บน้ำห้วยหลวง น้ำพุง น้ำอูน จุฬาภรณ์ และอุบลรัตน์ และภาคตะวันออก : อ่างเก็บน้ำบางพระ
– เฝ้าระวังแหล่งน้ำขนาดกลางที่มีปริมาณน้ำเก็บกักมากกว่า 80-100% จำนวน 110 แห่ง ดังนี้ ภาคเหนือ 27 แห่ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 66 แห่ง ภาคกลาง 1 แห่ง ภาคตะวันออก 13 แห่ง และภาคใต้ 3 แห่ง
– เฝ้าระวังแหล่งน้ำขนาดกลางที่มีปริมาณน้ำเก็บกักมากกว่า 100% จำนวน 26 แห่ง ดังนี้ ภาคเหนือ 4 แห่ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20 แห่ง และภาคตะวันออก 2 แห่ง
3. พื้นที่ประสบอุทกภัย : วันที่ 5 ก.ย. 68 เกิดสถานการณ์อุทกภัย ในพื้นที่ 6 จ. 21 อ. ได้แก่ จ.สุโขทัย (อ.เมืองสุโขทัย ศรีสัชนาลัย สวรรคโลก ศรีนคร ศรีสำโรง และบ้านด่านลานหอย) จ.พิษณุโลก (อ.ชาติตระการ เนินมะปราง บางกระทุ่ม พรหมพิราม และวัดโบสถ์) จ.เพชรบูรณ์ (อ.เมืองเพชรบูรณ์ และหล่มสัก) จ.อุตรดิตถ์ (อ.พิชัย และตรอน) จ.ร้อยเอ็ด (อ.เสลภูมิ และโพนทอง) จ.พระนครศรีอยุธยา (อ.เสนา ผักไห่ บางบาล และบางไทร)
4.ข่าวประชาสัมพันธ์ : เมื่อวันที่ 3 – 4 ก.ย. 68 นายไวฑิต โอชวิช ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์น้ำ รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการบริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย ลุ่มน้ำชายฝั่งทะเลตะวันออกและลุ่มน้ำบางปะกง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ สทนช. และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำและการเตรียมความพร้อมรับมืออุทกภัย ณ จ.ระยอง และ จ.จันทบุรี ดังนี้
1) บริเวณทางระบายน้ำล้น (Spillway) ของเขื่อนคิรีธาร ปัจจุบันระดับน้ำต่ำกว่า Spillway ประมาณ 0.50 เมตร โดยระบายน้ำผ่านกาลักน้ำลงคลองอีตัก วันละ 186,000 ลบ.ม. ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนที่อยู่บริเวณพื้นที่ด้านท้าย spillway
2) โรงไฟฟ้าพลังน้ำคิรีธาร ปัจจุบันได้เร่งซ่อมแซมเครื่องสูบน้ำ 1 ยูนิต ขนาด 6 เมกะวัตต์ และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปลายเดือน ก.ย. 68 เพื่อใช้ระบายน้ำในห้วงฤดูฝนนี้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
3) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ดำเนินการติดตั้งเครื่องสูบน้ำบริเวณจุดเสี่ยงรอบเขตเทศบาลเมืองจันทบุรี เพื่อเร่งสูบระบายน้ำกรณีในพื้นที่เกิดน้ำท่วมขัง ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบต่อประชาชนให้มากที่สุด