“รองนายกฯ ประเสริฐ” สั่ง สทนช. ใช้ศูนย์ส่วนหน้าฯ ภาคกลางและลุ่มน้ำยม – น่าน เร่งคลี่คลายสถานการณ์น้ำ หลังฝนตกหนักต่อเนื่อง

วันที่ 3 กันยายน 2568 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) เปิดเผยว่า ขณะนี้มีความห่วงใยสถานการณ์น้ำในหลายลุ่มน้ำที่ได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของ “พายุหนองฟ้า” และร่องมรสุมพาดผ่าน โดยเฉพาะในลุ่มน้ำป่าสัก ลุ่มน้ำยม และลุ่มน้ำน่าน ซึ่งหลายพื้นที่มีฝนตกสะสมในรอบสัปดาห์สูงเกิน 100 มิลลิเมตร และบางแห่งสูงเกิน 200 มิลลิเมตร สำหรับลุ่มน้ำป่าสัก ได้เกิดฝนตกหนักติดต่อกันเป็นระยะเวลานานในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำ ลำน้ำ และห้วยต่าง ๆ เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เกิดน้ำไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่ทางการเกษตรของประชาชนบริเวณอำเภอหล่มเก่า น้ำหนาว หล่มสัก เมืองเพชรบูรณ์ และหนองไผ่ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งอพยพผู้ที่อยู่ในกลุ่มเปราะบางไปยังที่ปลอดภัย และขนย้ายสิ่งของขึ้นสู่ที่สูง โดยปัจจุบันระดับน้ำลดต่ำกว่าตลิ่งแล้ว และมวลน้ำทั้งหมดจะไหลลงสู่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ คาดว่าในอีก 7 วันข้างหน้า ปริมาณน้ำในเขื่อนจะเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 35 ของความจุเก็บกัก เป็นร้อยละ 45 ของความจุเก็บกัก หรือเพิ่มขึ้นอีกเกือบ 100 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ขณะที่ลุ่มน้ำน่าน ฝนที่ตกหนักในพื้นที่ตอนใต้ของเขื่อนสิริกิติ์ ส่งผลให้แม่น้ำน่านบริเวณตัวเมืองย่านเศรษฐกิจของจังหวัดพิษณุโลก มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น โดยปัจจุบันเหลืออีกเพียงไม่ถึง 1 เมตร จะล้นตลิ่ง ในส่วนของเขื่อนสิริกิติ์ แม้จะปรับลดการระบายน้ำเป็นกรณีเร่งด่วน ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา จาก 50 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน เป็น 25 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน เพื่อหน่วงน้ำตอนบน ช่วยลดผลกระทบพื้นที่ท้ายน้ำ แต่เนื่องจากปริมาณน้ำในเขื่อนยังมีมากถึงร้อยละ 86 ของความจุเก็บกัก จึงจำเป็นต้องทยอยปรับเพิ่มการระบายน้ำแบบขั้นบันไดจนถึง 40 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน ในช่วงวันที่ 5 – 7 กันยายนนี้ เพื่อรักษาความปลอดภัยของเขื่อนและเตรียมพื้นที่รองรับน้ำในห้วงถัดไป โดยหน่วยงานจะพิจารณาปรับเพิ่มและลดการระบายน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในแต่ละช่วงเวลา และขอยืนยันว่าเขื่อนยังคงมีความมั่นคงแข็งแรงดี

ทางด้านลุ่มน้ำยม ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องส่งผลให้ปริมาณน้ำในเขื่อนแม่มอกเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 104 ของความจุเก็บกัก ซึ่งเกินระดับกักเก็บ และมีน้ำล้นผ่านทางระบายน้ำล้น (Spillway) ในระดับ 0.35 เมตร ทำให้ระดับน้ำในลุ่มน้ำเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ลำน้ำแม่มอกยังคงมีศักยภาพเพียงพอในการรองรับปริมาณน้ำดังกล่าวได้ จึงไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ ทั้งนี้ ได้สั่งการให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ใช้ศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคกลาง ร่วมกับศูนย์ส่วนหน้าฯ ลุ่มน้ำยม – น่าน บริหารจัดการมวลน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์โดยเร็ว ช่วยบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนให้ได้มากที่สุด รวมถึงเร่งให้ความช่วยเหลือและเยียวยาพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างทั่วถึง นอกจากนี้ ได้เน้นย้ำให้ใช้ศูนย์ส่วนหน้าฯ ทุกแห่ง ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และบูรณาการการทำงานร่วมกันเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่อย่างเต็มที่