กรมทะเล ร่วมกับ SCG จัดกิจกรรม ARTIFICIAL REEFS HACKATHON 2025 ออกแบบฐานลงเกาะตัวอ่อนปะการัง ด้วย 3D Printing สู่ต้นแบบการอนุรักษ์ทะเลไทย

กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ร่วมกับบริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCG จัดกิจกรรม ARTIFICIAL REEFS HACKATHON 2025” by 3D Printing Tech แข่งขันออกแบบฐานลงเกาะตัวอ่อนปะการัง ด้วยเทคโนโลยี 3D Printing ระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม ถึง 1 กันยายน 2568 เพื่อเปิดเวทีให้ผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ และภาคีเครือข่ายเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนารูปแบบแนวคิด นวัตกรรม เทคนิคหรือรูปแบบใหม่ของฐานลงเกาะตัวอ่อนปะการังที่เหมาะสมกับบริบทของประเทศไทย และสามารถตอบสนองต่อปัญหาความเสื่อมโทรมของแนวปะการังได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีนายนิพนธ์ ทองอยู่ ผู้อำนวยการกองอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล เป็นประธาน และคุณกัลยา วรุณโณ Business Development and Growth Director กล่าวต้อนรับ พร้อมกันนี้ ได้มีเจ้าหน้าที่จากกรม ทช. บริษัท SCG ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านทรัพยากรทางทะเล นักวิชาการ คณะครูอาจารย์ และนิสิต นักศึกษา จากมหาวิทยาลัยชั้นนำด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเล เข้าร่วมกิจกรรม ณ Innovation Technology Center SCG อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ภายในงานได้มีการบรรยายพิเศษจากนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญจากกรม ทช. และ SCG ภายใต้หัวข้อเรื่อง ปะการังไทยในอนาคต ,การฟื้นฟูปะการังโดยใช้วัสดุฐานลงเกาะ ,หลักการและวิธีการจัดทำ 3D Printing พร้อมกันนี้ เยี่ยมชมสถานที่ผลิตปะการังเทียม แบบ 3D Printing ตลอดจนกิจกรรม Workshop เพื่อระดมความคิดเห็น สร้างสรรค์ไอเดียแนวคิดปะการังใหม่ ในการแข่งขันออกแบบฐานลงเกาะตัวอ่อนปะการัง ด้วยเทคโนโลยี 3D Printing

ในโอกาสนี้ ดร.ปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พร้อมด้วยนายอุกกฤต สตภูมินทร์ รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง คุณเฉลิมวุฒิ สงวนญาติ Concrete and Construction Technology Director รวมถึงผู้เชี่ยวชาญ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านทรัพยากรทางทะเล ได้ให้เกียรติเป็นกรรมการตัดสินผลงานการออกแบบฐานลงเกาะตัวอ่อนปะการัง ด้วยเทคโนโลยี 3D Printing ณ ศูนย์พัฒนาและฝึกอบรมเครือซิเมนต์ไทยท่าหลวง อำเภอบ้านหม้อ จังหวัดสระบุรี โดยมีทีมที่เข้าร่วมกิจกรรมพร้อมกับนำเสนอผลงานทั้งหมด 6 ทีม ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยบูรพา มหาวิทยาลัยรามคำแหง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย Thai Ocean Academy Pattaya และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โดยผลงานที่จะได้รับรางวัลชนะเลิศ ได้แก่ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้รับรางวัล 30,000 บาท พร้อมโล่ประกาศเกียรติคุณและประกาศนียบัตร รางวัลรองชนะเลิศ ได้แก่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้รับรางวัล 20,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตร รางวัลการชมเชย จำนวน 4 ทีม ได้แก่ มหาวิทยาลัยบูรพา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย Thai Ocean Academy Pattaya และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้รับรางวัลทีมละ 10,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตร และรางวัลขวัญใจมหาชน ได้แก่ มหาวิทยาลัยบูรพา ได้รับรางวัล 20,000 บาท ซึ่งแนวคิดที่ชนะเลิศจะถูกนำไปพัฒนาต่อยอดเป็นแนวทางการดำเนินงานในระดับชาติ พร้อมทั้งเป็นต้นแบบสำหรับการบริหารจัดการทรัพยากรปะการังที่มีประสิทธิภาพ ช่วยให้การอนุรักษ์และฟื้นฟูแนวปะการังสามารถดำเนินไปได้อย่างยั่งยืน และทันต่อการเปลี่ยนแปลงของปัญหาในปัจจุบันและอนาคต

ดร.ปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวว่า การจัดกิจกรรม ARTIFICIAL REEFS HACKATHON 2025” by 3D Printing Tech แข่งขันออกแบบฐานลงเกาะตัวอ่อนปะการัง ด้วยเทคโนโลยี 3D Printing มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นเวทีแลกเปลี่ยนประสบการณ์ องค์ความรู้ ตลอดจนการสร้างความร่วมมือ เพื่อขับเคลื่อนงานด้านการฟื้นฟูปะการังของประเทศไทยให้เกิดผลสัมฤทธิ์ที่เป็นรูปธรรม ด้วยความร่วมมือจาก บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCG ผู้ผลิตปูนซีเมนต์รายใหญ่ของประเทศไทย ในการสร้างนวัตกรรมฐานลงเกาะตัวอ่อนปะการังด้วยเทคนิค 3D printing และองค์ความรู้ จากภาคการศึกษาที่มีผู้เชี่ยวชาญในสาขาที่เกี่ยวข้อง เข้ามามีส่วนร่วมและแลกเปลี่ยนแนวทาง เทคนิคในการฟื้นฟูทรัพยากรปะการังของประเทศไทย ซึ่งกรมฯ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ทุกท่านได้ให้ความสนใจและตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ร่วมกันฟื้นฟู คืนความสมบูรณ์ของท้องทะเลไทย ให้คงอยู่ และมีใช้อย่างยั่งยืน และในโอกาสนี้ต้องขอแสดงความยินดีกับทุกทีมที่ได้รับรางวัล โดยกรมฯ และ SCG จะนำผลงานดังกล่าวไปต่อยอดการพัฒนาระบบโครงสร้างปะการังเทียมด้วย 3D Printing ให้เกิดประสิทธิภาพเหมาะกับสภาพแวดล้อมปะการังใต้ท้องทะเลต่อไป

“เป็นที่ทราบดีว่าแนวปะการังของประเทศไทยนั้น มีความสำคัญทั้งในด้านระบบนิเวศ คือ เป็นแหล่งอาหารและที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตในทะเลหลากหลายชนิด และในด้านเศรษฐกิจและสังคม คือ เป็นแหล่งท่องเที่ยว สร้างอาชีพให้กับประชาชนทั้งทางตรง และทางอ้อม ซึ่งจากการเก็บข้อมูลของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พบว่าแนวปะการังของประเทศไทยที่เคยอุดมสมบูรณ์ เริ่มเกิดความเสื่อมโทรมจากหลายสาเหตุ ทั้งจากปัจจัยทางธรรมชาติ และปัจจัยที่เกิดจากการกระทำและกิจกรรมของมนุษย์ ดังนั้น กรมฯ จึงมีวิธีการฟื้นฟูทรัพยากรปะการัง โดยวิธีที่เป็นที่นิยมและใช้กันอย่างกว้างขวางคือการใช้ฐานลงเกาะตัวอ่อนปะการัง ซึ่งได้พัฒนารูปแบบการฟื้นฟูปะการังที่ทันสมัยและสอดคล้องกับความเป็นจริง เพิ่มประสิทธิภาพของฐานลงเกาะตัวอ่อนปะการังให้มีความหลากหลายและตอบสนองต่อปัญหาได้ตรงจุดมากขึ้น ถือเป็นนิมิตหมายที่สำคัญที่จะนำไปสู่การพัฒนาและยกระดับการปรับปรุงอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดในอนาคต และเปิดพื้นที่ให้เกิดนวัตกรรมและแนวคิดใหม่ ๆ อันจะช่วยขับเคลื่อนการฟื้นฟูปะการังให้ก้าวหน้าและยั่งยืน“ ดร.ปิ่นสักก์ กล่าว

คุณเฉลิมวุฒิ สงวนญาติ Concrete and Construction Technology Director หน่วยงาน Innovation and Technology ธุรกิจ SCG Cement and Green Solutions กล่าวว่า SCG มุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยี 3D Printing และปูนซีเมนต์คาร์บอนต่ำที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างวัสดุฐานลงเกาะตัวอ่อนปะการัง ที่มีคุณสมบัติในการเพิ่มประสิทธิภาพการลงเกาะของตัวอ่อนและมีความทนทานต่อสภาพใต้ท้องทะเลใกล้เคียงกับธรรมชาติ พร้อมสนับสนุนการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างยั่งยืน โดยความร่วมมือในครั้งนี้ ทำให้เกิดการบูรณาการทรัพยากร ทั้งในด้านองค์ความรู้และเทคโนโลยี สามารถขยายผลในวงกว้างได้อย่างรวดเร็ว ตลอดจนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการฟื้นฟูปะการังได้อย่างแท้จริง และยังสร้างการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนในการดูแลทรัพยากรของชาติอีกด้วย