เมื่อวันที่ 29 – 31 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับภาคีเครือข่าย จัดงาน “มหกรรมสีสันแห่งศรัทธา พัฒนาชุมชนพลังบวร” อย่างยิ่งใหญ่ ภายใต้แนวคิด “บวร : บ้าน–วัด–โรงเรียน/ราชการ” เพื่อเชื่อมโยงทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม และคุณธรรม จริยธรรมสู่สังคมไทย ณ ศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค กรุงเทพมหานคร ซึ่งตลอด 3 วันของการจัดงานมีประชาชน เยาวชน นักเรียน นักศึกษา และเครือข่ายทางวัฒนธรรมเข้าร่วมกว่า 30,000 คน ถือเป็นมหกรรมที่สร้างพลังศรัทธาและความร่วมมืออย่างกว้างขวาง
นายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้ มีกิจกรรมหลากหลายที่ตอบโจทย์ ทั้งด้านศาสนา ศิลปวัฒนธรรม การเรียนรู้ และเศรษฐกิจชุมชน อาทิ กิจกรรมสวดมนต์ ฟังธรรม ชมนิทรรศการศาสนวัตถุล้ำค่า 5 ศาสนา การบูชาองค์เทพศักดิ์สิทธิ์ การเสวนาเชิงวิชาการ ทอล์กโชว์ด้านศาสนา เวิร์กช็อป ของชุมชนคุณธรรมพลังบวร อาหารพื้นถิ่นภาคกลาง และอาหารยอดนิยม 5 ศาสนาการสาธิตหัตถกรรมและงานฝีมือพื้นบ้าน ตลอดจนการแสดงศิลปะการแสดงและดนตรีที่หลากหลาย ทั้งนาฏศิลป์ไทยประยุกต์ เพลงพื้นบ้าน โปงลาง บรรเลงแคน การสวดโอ้เอ้วิหารราย และการสวดมนต์หมู่สรรเสริญพระรัตนตรัย ทำนองสรภัญญะ โดยนักเรียนผู้ชนะเลิศระดับประเทศ รวมถึงการแสดงจาก 5 ศาสนา และการแสดงเพลงลูกทุ่งโดยศิลปินชื่อดัง ซึ่งล้วนสร้างความประทับใจแก่ผู้เข้าร่วมงานและสะท้อนถึงความงดงามของความหลากหลายทางศิลปะและศรัทธา
การจัดงานครั้งนี้ยังมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมคุณธรรมและการดำเนินชีวิตตามหลักศาสนา เยาวชนและประชาชนจำนวนมากได้รับแรงบันดาลใจในการทำความดีและหันมาสนใจการเข้าวัด ปฏิบัติธรรม ขณะเดียวกันยังเป็นเวทีสำคัญในการอนุรักษ์และเผยแพร่วัฒนธรรมพื้นบ้านที่เริ่มหาดูได้ยาก เปิดโอกาสให้เยาวชนและศิลปินท้องถิ่นได้แสดงความสามารถต่อสาธารณะ อีกทั้งยังส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก โดยร้านค้าและผู้ประกอบการชุมชนที่เข้าร่วมงานต่างมียอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน เช่น ข้าวแช่ เมี่ยงคำบัวหลวง ยำส้มโอ ทองม้วนสด น้ำสามรส รวมทั้งอาหาร 5 ศาสนา เช่น เคบับชีท ซาโมซ่า ปานิปูริ ปาปรีจ๊าด และผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรม เช่น เครื่องเบญจรงค์ เครื่องจักสาน ผ้าทอพื้นถิ่น และการนวดแผนไทย เป็นต้น สร้างรายได้หมุนเวียนจากการจัดงานกว่า 7 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากในมิติศาสนาให้เกิดการขยายตัวอย่างกว้างขวาง
อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวทิ้งท้ายว่า ความสำเร็จของงานมหกรรมในครั้งนี้เกิดขึ้นจากพลังความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ชุมชน และสถาบันการศึกษา ที่ได้ร่วมแรงร่วมใจกันอย่างเข้มแข็ง จนเกิดต้นแบบการบูรณาการอย่างเป็นรูปธรรม และนำไปสู่การกำหนดแนวทางการต่อยอดโครงการ “พลังบวร” ไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศในอนาคต ในการเปิดพื้นที่การเรียนรู้ด้านศาสนาและวัฒนธรรมแก่เยาวชนยุคใหม่ให้เข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้น และไม่เพียงแต่สร้างความสุขและความอิ่มเอมใจแก่ผู้เข้าร่วมงานเท่านั้น แต่ยังเป็นแบบอย่างของการรวมพลังทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม และคุณธรรมให้หยั่งรากลึกในสังคมไทย เพื่อก้าวสู่สังคมที่เข้มแข็งและยั่งยืนอย่างแท้จริง