วันที่ 29 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. ณ ศูนย์บริการร่วมกระทรวงยุติธรรม นางสาวเอมอร เสียงใหญ่ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ มอบหมายให้ นายธีรยุทธ แก้วสิงห์ รองอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ และนางธัญสุดา หน่อแก้ว ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย และเจ้าหน้าที่ สปท.รับคำร้องขอให้ติดตามและตรวจสอบตาม พ.ร.บ.ทรมานฯ กรณีผู้เสียชีวิตและผู้สูญหายจากเหตุการณ์ปราบปรามยาเสพติดช่วงระหว่าง ปี พ.ศ.2543-2546 โดยมีนายสิระ จะแฮ ผู้แทนเครือข่ายกลุ่มชาติพันธ์กะเหรี่ยง และคุณพรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรม เป็นผู้ยื่นแทนผู้เสียจำนวน 10 กรณี 14 ราย
ท่านรองอธิบดีฯ ได้กล่าวว่า กรณีอุ้มหายที่เกิดขึ้นก่อน พ.ร.บ.ทรมานฯ บังคับใช้ กำหนดให้รัฐมีหน้าที่สืบหาผู้สูญหาย พฤติการณ์การกระทำความผิด และหาตัวผู้กระทำความผิด สำหรับกรณีที่มายื่นคำร้องในวันนี้ก็เช่นกัน เป็นกรณีที่มีการอุ้มหายก่อนพ.ร.บ.ทรมานฯ มีผลบังคับใช้ โดยปัจจุบันคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ ได้รับเรื่องร้องเรียนในลักษณะเช่นเดียวกัน ซึ่งการติดตามตรวจสอบผู้สูญหายเป็นเรื่องที่มีความท้าทายในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นระยะเวลาที่ล่วงเลยมานาน พยานหลักฐานที่เริ่มจางหายไป แต่คณะกรรมการฯ ตระหนักเป็นอย่างดียิ่งในสิทธิของการได้รับรู้ความจริง (Rights to know the Truth) รวมถึงความทุกข์ทรมานของญาติและครอบครัวในการรอคอยคนที่รักอย่างไม่มีกำหนด ดังนั้น กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย จะนำเรื่องนี้เข้ารายงานคณะกรรมการฯ เพื่อพิจารณาและดำเนินการ
ตามพระราชบัญญัติฯ ต่อไป
จากนั้นท่านรองอธิบดีฯ ได้กล่าวว่า ในโอกาสที่วันพรุ่งนี้จะเป็นวันผู้สูญหายสากล ในนามของผู้แทนคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ ขอเรียนให้ทุกท่านทราบว่า พวกเรามีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ในการป้องกัน ปราบปราม และเยียวยาการกระทำให้บุคคลสูญหายที่เกิดขึ้นภายในประเทศและต่างประเทศ เพื่อให้ญาติและครอบครัวได้พบเจอบุคคลอันเป็นที่รัก ได้ทราบความจริงที่เกิดขึ้น เพื่อยกระดับการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน และรักษาความยุติธรรมให้กับประชาชนสืบไป
#เคารพชีวิตใช้สิทธิตามกฎหมายขจัดการอุ้มหายและทรมาน
#AntiTortureAct