พ.ร.บ.ทรมานฯ รอบปีที่ผ่านมา แห่งการขับเคลื่อน “ป้องกัน–ปราบปราม–เยียวยา”

พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 มีผลบังคับใช้มากว่า 1 ปี และได้มีการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรมใน 3 มิติสำคัญ ได้แก่ การป้องกัน การปราบปราม และการเยียวยา เพื่อสร้างสังคมที่เคารพสิทธิมนุษยชน และป้องกันการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

การป้องกัน : เสริมความรู้ สร้างการรับรู้ทั่วประเทศ

มีการจัดบรรยายและให้ความรู้แก่ผู้นำชุมชน ผู้นำศาสนา ประชาชน เจ้าหน้าที่รัฐ บุคลากรทางการศึกษาและการแพทย์ ตลอดจนทนายความในทุกภูมิภาค รวมถึงจังหวัดชายแดนใต้ พร้อมเผยแพร่สื่อการเรียนรู้ออนไลน์ (E-Learning) และสื่อสังคมออนไลน์อย่าง YouTube และ TikTok ซึ่งมีผู้เข้าถึงกว่า 200,000 รายในปีที่ผ่านมา

การปราบปราม : ใช้กฎหมายอย่างจริงจัง

ปีที่ผ่านมา มีคดีที่เข้าสู่กระบวนการตาม พ.ร.บ. รวมแล้วหลายคดี โดยมี 1 คดีที่ศาลได้พิพากษาแล้ว ได้แก่ กรณีพลทหารในค่ายทหารจังหวัดชลบุรีที่เสียชีวิตจากการถูกครูฝึกและผู้ช่วยครูฝึกทำร้ายร่างกาย ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 จังหวัดระยองได้มีคำพิพากษาลงโทษครูฝึกจำคุก 20 ปี และ 15 ปี ขณะที่ผู้ช่วยครูฝึกอีก 11 นาย ถูกตัดสินจำคุกคนละ 10 ปี สะท้อนถึงการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มแข็ง

การเยียวยา : ฟื้นฟูผู้เสียหายทั้งด้านการเงินและจิตใจ

เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2568 ระเบียบคณะกรรมการฯ ว่าด้วยการเยียวยาผู้เสียหายมีผลบังคับใช้ โดยในปีที่ผ่านมา มีการช่วยเหลือในรูปแบบเงินรวมกว่า 3.8 ล้านบาท ครอบคลุมกรณีทรมาน การกระทำที่โหดร้าย และอุ้มหาย รวม 10 กรณี นอกจากนี้ยังให้ความช่วยเหลือที่ไม่เป็นตัวเงิน เช่น การฟื้นฟูสภาพจิตใจ การช่วยเหลือทางกฎหมาย และการขอคำขอโทษต่อสาธารณะ

ก้าวต่อไป : ป้องกันการละเมิดสิทธิมนุษยชน

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมกล่าวว่า “จากนี้ไปจะต้องไม่มีใครถูกทรมานและอุ้มหาย และ พ.ร.บ.ฉบับนี้จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการคุ้มครองสิทธิประชาชน สร้างหลักนิติธรรม และทำให้เจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติหน้าที่อย่างรอบคอบมากขึ้น”