สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เดินหน้าขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสมุนไพรไทย จัดเวทีแลกเปลี่ยนประสบการณ์ชี้ช่องทางสร้างธุรกิจผลิตภัณฑ์สมุนไพรด้วยการจ้างผลิต (OEM) เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายใหม่และรายย่อยสามารถเป็นเจ้าของแบรนด์ได้โดยไม่ต้องลงทุนสร้างโรงงานเอง ช่วยลดต้นทุน เพิ่มความคล่องตัวในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการตลาด มุ่งผลักดันภูมิปัญญาไทยสู่ผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐาน และแข่งขันได้ในระดับสากลอย่างยั่งยืน
นายแพทย์วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวในพิธีเปิดการประชุม “พัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์สมุนไพร เรื่อง จากภูมิปัญญาสู่แบรนด์ดัง : สร้างธุรกิจ ยาแผนไทยด้วย OEM” ซึ่งจัดขึ้นในวันนี้ (25 สิงหาคม 2568) ณ โรงแรมทีเค. พาเลซ แอนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ ว่า ปัจจุบันกฎหมายผลิตภัณฑ์สมุนไพรได้เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการสามารถเป็นเจ้าของแบรนด์ได้โดยไม่จำเป็นต้องมีโรงงานผลิตเป็นของตนเอง แต่สามารถใช้วิธีจ้างผลิตกับโรงงานที่ได้รับอนุญาตและมีมาตรฐานตามหลักเกณฑ์ (OEM) ซึ่งโมเดลธุรกิจนี้ถือเป็นทางเลือกที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่สนใจเริ่มต้นธุรกิจ หรือผู้ประกอบการรายย่อยที่ต้องการมุ่งเน้นการลงทุนไปที่การสร้างแบรนด์ การตลาด และการพัฒนาสูตรตำรับที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง
รองเลขาธิการฯ กล่าวต่อไปว่า สิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการต้องคำนึงถึงคือการเลือกโรงงานรับจ้างผลิต (OEM) ที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน GMP รวมถึงการจัดทำสัญญาว่าจ้างที่ชัดเจนรัดกุม เพื่อปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาและผลประโยชน์ของแบรนด์ในระยะยาว ทั้งนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกและสร้างความมั่นใจ อย. จะดำเนินการรวบรวมรายชื่อสถานที่ผลิตที่ได้มาตรฐานและขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้อง เพื่อเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ของ อย. ให้ผู้ประกอบการได้ใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจต่อไป อย. หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการส่งเสริมโมเดลธุรกิจนี้จะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก และผลักดันให้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรจากภูมิปัญญาไทยสามารถแข่งขันในตลาดสากลได้อย่างยั่งยืน