ประเทศไทยเจ้าภาพ Global Wellness Summit 2026 กรมการแพทย์แผนไทยฯ ชี้โอกาสทองขับเคลื่อน Soft Power สู่เวทีโลก

ประเทศไทยได้รับสิทธิ์เป็นเจ้าภาพจัด Global Wellness Summit 2026 (GWS 2026) เวทีสุขภาพระดับโลกที่รวบรวมผู้นำจากทั่วโลก กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกชี้ว่า นี่คือโอกาสสำคัญในการขับเคลื่อน Soft Power ของไทย ทั้งภูมิปัญญาการนวดแผนไทยและสมุนไพรสู่เวทีสากล พร้อมสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 100 ล้านบาท
นายสมศักดิ์ กรีชัย รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เปิดเผยว่า ประเทศไทยได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดงาน Global Wellness Summit 2026 (GWS 2026) ณ จังหวัดภูเก็ต ประเทศไทย ซึ่งถือเป็น เวทีสำคัญระดับโลกที่จะช่วยย้ำบทบาทของไทยในฐานะผู้นำด้านสุขภาพและความงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแพทย์แผนไทยและภูมิปัญญาดั้งเดิม การที่ประเทศไทยได้รับเลือกในครั้งนี้จึงสะท้อนถึงศักยภาพและความเชื่อมั่นจากประชาคมโลก

งาน GWS เป็นการประชุมประจำปีที่รวบรวมผู้เชี่ยวชาญ นักธุรกิจ นักลงทุน และผู้กำหนดนโยบาย ด้านสุขภาพจากทั่วโลก เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และกำหนดทิศทางของอุตสาหกรรมในอนาคต ประเทศที่เคยได้รับเกียรติ เป็นเจ้าภาพจัดงานนี้ล้วนเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและการลงทุน เช่น สหรัฐอเมริกา อิตาลี และใน ปี 2025 ปีนี้งานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 18–21 พฤศจิกายน 2568 ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ภายใต้ธีมการจัดงาน “Longevity Through a Wellness Lens” การมองสุขภาพผ่านเลนส์แห่งความยั่งยืนของอายุขัย

ความสำเร็จนี้เป็นผลมาจากการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดระหว่าง หน่วยงานหลัก ได้แก่ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.), คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านการท่องเที่ยว, สำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (สำนักงาน ป.ย.ป.),กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ซึ่งร่วมกันจัดทำข้อเสนอเชิงรุกเพื่อแสดงให้เห็นถึงความพร้อมของประเทศไทยในการเป็นเจ้าภาพ

ในฐานะเจ้าภาพ ประเทศไทยจะมีโอกาสสำคัญในการเสนอรายชื่อวิทยากรชั้นนำและร่วมกำหนดเนื้อหาทางวิชาการของงาน ซึ่งเป็นช่องทางสำคัญในการนำเสนอภูมิปัญญาไทยสู่สายตานานาชาติ ไม่ว่าจะเป็น การแพทย์แผนไทย สมุนไพรไทย และการนวดไทย ซึ่งจะช่วยสร้างการรับรู้และผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านสุขภาพในระดับภูมิภาคอย่างเป็นรูปธรรม อีกทั้ง การเป็นเจ้าภาพ GWS 2026 คาดว่าจะช่วยสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทย ได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยทางตรงจะสร้างรายได้ภายในงานมากกว่า 100 ล้านบาท ส่วนทางอ้อมรายได้จะมาจาก ผลพวงของการกระตุ้นการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องในวงกว้าง เช่น โรงแรม ร้านอาหาร และบริการอื่นๆ
นอกจากนี้ การจัดงานยังเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบาย Soft Power ของรัฐบาล และ สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอุตสาหกรรมสุขภาพของไทยในระยะยาว โดยจะเปิดโอกาสให้เกิดการสร้างเครือข่ายธุรกิจ การลงทุน และความร่วมมือด้านนโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาโครงการใหม่ๆ และยกระดับบุคลากรไทยในอุตสาหกรรมนี้อย่างเป็นระบบ

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า บทบาทของกระทรวงสาธารณสุขในปัจจุบันไม่ได้จำกัดอยู่แค่การรักษาพยาบาล แต่ยังรวมถึงการเป็นกลไกสำคัญในการสร้างรายได้ให้กับประเทศผ่านอุตสาหกรรมสุขภาพที่มีศักยภาพ เช่น การท่องเที่ยว เชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) ซึ่งกรมการแพทย์แผนไทยฯ ได้เข้ามามีบทบาทเชิงรุกในการเชื่อมโยงระบบสุขภาพเข้ากับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยได้มุ่งส่งเสริมให้การแพทย์แผนไทยและสมุนไพรไทยมีมาตรฐานสากล พร้อมทั้งผลักดันบริการสุขภาพของไทยให้เป็นส่วนหนึ่งของการท่องเที่ยว เพื่อยกระดับศักยภาพและสร้างมูลค่าเพิ่มจากภูมิปัญญาของไทยในเวทีโลกอย่างแท้จริง