1. ปริมาณฝนสะสม 24 ชม. สูงสุด ได้แก่ ภาคเหนือ : จ.ลำปาง (145 มม.) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จ.นครราชสีมา (104 มม.) ภาคตะวันตก : จ.กาญจนบุรี (37 มม.) ภาคกลาง : กรุงเทพมหานคร (115 มม.) ภาคตะวันออก : จ.ตราด (230 มม.) ภาคใต้ : จ.ระนอง (103 มม.)
สภาพอากาศวันนี้ : ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยมีฝนอยู่ในเกณฑ์กระจายถึงเกือบทั่วไปและมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออก
คาดการณ์ : ช่วงวันที่ 19 – 21 ส.ค. 68 ประเทศไทยมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง เนื่องจากร่องมรสุมจะเลื่อนขึ้นไปพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาว และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังอ่อนลง
2. สถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในภาพรวม : ปริมาณน้ำรวม 65% ของความจุเก็บกัก (52,281 ล้าน ลบ.ม.) ปริมาณน้ำใช้การ 49% (28,162 ล้าน ลบ.ม.)
3. ข่าวประชาสัมพันธ์ : วานนี้ (16 ส.ค. 68) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) เปิดเผยว่ารัฐบาลยังคงมีความห่วงใยอย่างยิ่งจากสถานการณ์น้ำในช่วงฤดูฝนนี้ โดยเฉพาะในระยะนี้ที่มีร่องมรสุมพาดผ่านพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ประกอบกับลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น ทำให้เกิดฝนตกหนักทั้งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ จึงได้สั่งการให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ออกประกาศแจ้งเตือนล่วงหน้าไปยังหน่วยงานเพื่อให้เตรียมความพร้อมและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องแล้วเมื่อวันที่ 13 ส.ค. 68 เพื่อให้สามารถรับมือน้ำหลากได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมทั้งกำชับให้ติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำในช่วงนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อแจ้งเตือนประชาชนได้อย่างทันท่วงทีผ่านทุกช่องทาง รวมถึงระบบ Cell Broadcast (CB) ตามนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญสูงสุดต่อการปกป้องและลดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
ขณะเดียวกัน รัฐบาลยังมีความห่วงใยต่อพื้นที่ที่มีแนวโน้มประสบปัญหาฝนทิ้งช่วง เช่น จังหวัดนครราชสีมา โดยเฉพาะเขื่อนลำตะคอง อำเภอสีคิ้ว ที่เป็นแหล่งน้ำต้นทุนขนาดใหญ่ที่สำคัญของจังหวัด โดยในช่วงเดือนพฤษภาคม 2568 ได้มีการลงพื้นที่เพื่อติดตามการแก้ปัญหาภัยแล้งและการบริหารจัดการน้ำของเขื่อน พร้อมมอบหมายให้หน่วยงานเตรียมแผนป้องกันสถานการณ์ไว้ล่วงหน้า และมีกำหนดการลงพื้นที่อีกครั้งในวันที่ 18 ส.ค. 68 นี้ เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำและความก้าวหน้าของการดำเนินงานตามข้อสั่งการดังกล่าว รวมถึงมอบนโยบายในการบริหารจัดการน้ำเขื่อนลำตะคองอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดความเสี่ยงจากปัญหาขาดแคลนน้ำ ช่วยป้องกันและบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนแก่ประชาชนในพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม
4. พื้นที่ประสบอุทกภัย : สถานการณ์อุทกภัย วันที่ 17 ส.ค. 68 ในพื้นที่ 11 จ. 17 อ. ได้แก่ จ.เชียงราย (อ.แม่สาย) จ.พะเยา (อ.เมืองพะเยา และปง) จ.แม่ฮ่องสอน (อ.ขุนยวม) จ.แพร่ (อ.ร้องกวาง) จ.ตาก (อ.แม่สอด) จ.พิจิตร (อ.สามง่าม) จ.เพชรบูรณ์ (อ.บึงสามพัน วิเชียรบุรี ศรีเทพ และเมืองเพชรบูรณ์) จ.มหาสารคาม (อ.พยัคฆภูมิพิสัย) จ.สระแก้ว (อ.วังน้ำเย็น) จ.จันทบุรี (อ.มะขาม เขาคิชฌกูฏ และขลุง) และ จ.ตราด (อ.เมืองตราด)