ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เผย โรงพยาบาลอุดรธานี พัฒนาบริการด้านทันตกรรม จากการนำร่องโรงพยาบาลทันตกรรมสาขานาข่า ปัจจุบันเป็นศูนย์ทันตกรรมเชี่ยวชาญ ให้บริการทันตกรรมเฉพาะทางได้ถึง 4 สาขา ทั้งรากเทียม โรคเหงือกและศัลยกรรมปริทันต์ รักษาคลองรากฟัน ฟื้นฟูการบดเคี้ยว ช่วยประชาชนเข้าถึงบริการทันตกรรม 300 ราย/เดือน ลดการรอคอยบริการทันตกรรมพื้นฐานเหลือ 1 เดือน และ ทันตกรรมเฉพาะทางเหลือ 3 เดือน
วันที่ 13 สิงหาคม 2568 ที่ โรงพยาบาลอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายแพทย์ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 8และคณ ะตรวจเยี่ยมติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานตามนโยบายในการพัฒนาโรงพยาบาลทันตกรรมเพื่อเพิ่มการเข้าถึงบริการด้านทันตกรรมให้กับประชาชน และกล่าวว่า โรงพยาบาลอุดรธานีเป็นหน่วยบริการลำดับแรกๆ ที่มีความพร้อมดำเนินการตามนโยบาย โดยนำร่องจัดตั้งโรงพยาบาลทันตกรรมรองรับบริการผู้ป่วยนอกที่ รพ.สต.นาข่า อำเภอเมือง มีการปรับปรุงอาคารพร้อมทั้งจัดหาครุภัณฑ์และเครื่องมือทันตกรรมที่ทันสมัย เช่น เครื่องเอกซเรย์ 3 มิติ เทคโนโลยีสแกนช่องปากทดแทนวัสดุพิมพ์ปากที่ช่วยลดระยะเวลารอคอยชิ้นงาน เริ่มเปิดบริการเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2567 และในปี 2568 ได้พัฒนาเป็นศูนย์ทันตกรรมเชี่ยวชาญ 4 สาขาได้แก่ ทันตกรรมรากเทียม รักษาโรคเหงือกและศัลยกรรมปริทันต์ รักษาคลองรากฟัน และฟื้นฟูการบดเคี้ยว โดยทันตแพทย์เฉพาะทางแต่ละสาขา ปัจจุบันมีผู้เข้ารับบริการเฉลี่ยเดือนละ 300 ราย หรือ 30-40 รายต่อวัน และยังเพิ่มความสะดวกให้กับประชาชน สามารถนัดรับบริการด้วยตัวเองผ่านแอปพลิเคชั่นหมอพร้อม ระบบ Line Official “@udhospital” ด้วย
“การขยายบริการด้านทันตกรรมออกมาเป็นโรงพยาบาลทันตกรรม นอกจากจะทำให้ประชาชนเข้ารับบริการได้มากขึ้น ยังช่วยให้ได้รับบริการเร็วขึ้นกว่าเดิม อย่างศูนย์ทันตกรรมเชี่ยวชาญ ของโรงพยาบาลอุดรธานี คิวบริการทันตกรรมพื้นฐาน เช่น การอุดฟัน จากรอประมาณ 4 เดือน ก็เหลือ 1 เดือน และทันตกรรมเฉพาะทาง เช่น การใส่ฟันเทียม/รักษารากฟัน จากรอประมาณ 6 เดือน เหลือ 3 เดือน“ นายแพทย์โอภาสกล่าว
ด้าน นายแพทย์ทรงเกียรติ เล็กตระกูล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอุดรธานี กล่าวเพิ่มเติมว่า โรงพยาบาลอุดรธานี เป็นโรงพยาบาลศูนย์ในเขตสุขภาพที่ 8 มีขนาด 1,141 เตียง ดูแลประชากรครอบคลุม 5.5 ล้านคน จึงได้พัฒนาศักยภาพและความเชี่ยวชาญทางการแพทย์ทั้งในระดับประเทศและภูมิภาค โดยมีคลินิกเฉพาะทางครอบคลุม 45 สาขา และศูนย์เชี่ยวชาญ อาทิ ศูนย์หัวใจและหลอดเลือดครบวงจร ให้บริการสวนหัวใจมากที่สุดของประเทศ, ศูนย์ความเป็นเลิศด้านโรคมะเร็ง, ด้านการปลูกถ่ายอวัยวะ สามารถหาผู้บริจาคอวัยวะและผ่าตัดปลูกถ่ายกระจกตาได้เป็นอันดับ 1 ของประเทศ ผ่าตัดผู้บริจาคอวัยวะนำไตออกเป็นอันดับ 3 ของประเทศ และได้เปิดศูนย์ปลูกถ่ายอวัยวะและไขกระดูก เป็นแห่งแรกของภาคอีสานตอนบน, ศูนย์บริการภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ครบวงจร รับส่งต่อผู้ป่วยระดับเขต ตามแนวคิด “One Region One Province One Hospital” และศูนย์ความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ เป็นต้น