สถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 13 ส.ค. 68 เวลา 7.00 น.

1. ปริมาณฝนสะสม 24 ชม. สูงสุด ได้แก่ ภาคเหนือ : จ.พะเยา (60 มม.) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จ.หนองบัวลำภู (38 มม.) ภาคกลาง : จ.พระนครศรีอยุธยา (42 มม.) ภาคตะวันออก : จ.จันทบุรี (89 มม.) ภาคตะวันตก : จ.กาญจนบุรี (23 มม.) ภาคใต้ : จ.ราษฎร์ (125 มม.)

สภาพอากาศวันนี้ : ร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาว เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาว และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก

คาดการณ์ : ช่วงวันที่ 14 – 18 ส.ค. 68 ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ส่งผลให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออก

2. คุณภาพน้ำ ณ จุดเฝ้าระวัง แม่น้ำสายหลัก : น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค แม่น้ำเจ้าพระยา ณ สถานีสูบน้ำสำแล จ.ปทุมธานี อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
น้ำเพื่อการเกษตร แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำแม่กลอง และแม่น้ำบางปะกง อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน

3. สถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในภาพรวม : ปริมาณน้ำรวม 65% ของความจุเก็บกัก (52,293 ล้าน ลบ.ม.) ปริมาณน้ำใช้การ 49% (28,173 ล้าน ลบ.ม.)
สทนช. ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด และบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการ เพื่อรองรับปริมาณน้ำที่อาจเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูฝน โดยเน้นการลดความเสี่ยงจากอุทกภัยและเตรียมความพร้อมในทุกภาคส่วน พร้อมทั้งสร้างการรับรู้แก่ประชาชน ประชาสัมพันธ์การแจ้งเตือน และจัดเตรียมมาตรการช่วยเหลือผ่านช่องทางต่าง ๆ อย่างทั่วถึงและทันท่วงที

4. ข่าวประชาสัมพันธ์ : วานนี้ (12 ส.ค. 68) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์และการบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำน่านอย่างต่อเนื่อง พบว่า เขื่อนนเรศวรได้ปรับเพิ่มอัตราการระบายน้ำวันที่ 11 ส.ค. 68 ในอัตรา 49 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน เพิ่มขึ้นเป็น 52 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน เพื่อเร่งระบายน้ำจากพื้นที่ตอนบนให้สอดรับกับอัตราการระบายของเขื่อนสิริกิติ์และเขื่อนผาจุก ส่งผลให้ระดับน้ำที่ท่วมขังอยู่ในพื้นที่การเกษตรลุ่มต่ำบริเวณ อ.เมืองอุตรดิตถ์ ตรอน และพิชัย จ.อุตรดิตถ์ ลดลง 20 ซม. ซึ่งสามารถช่วยคลี่คลายผลกระทบต่อประชาชนได้ในเบื้องต้น ทั้งนี้ ได้สั่งการให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับกรมชลประทานในการบริหารจัดการน้ำของเขื่อนนเรศวร รวมถึงเขื่อนต่าง ๆ ตลอดแนวแม่น้ำน่านให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อลดผลกระทบต่อพื้นที่ชุมชนและพื้นที่การเกษตรใน จ.อุตรดิตถ์ ให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว โดยต้องคำนึงถึงความสมดุลของปริมาณน้ำทั้งบริเวณเหนือเขื่อนและท้ายเขื่อนในส่วนของสถานการณ์ฝน ได้มีฝนตกหนักในพื้นที่ตอนบนของประเทศ บริเวณ จ.เชียงราย เชียงใหม่ น่าน และตราด และคาดว่าในช่วง 2-3 วันข้างหน้า จะมีปริมาณฝนเพิ่มขึ้นบริเวณ จ.เชียงราย เชียงใหม่ แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก จันทบุรี และตราด จึงได้สั่งการให้ สทนช. ใช้กลไกศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย ในการติดตามสถานการณ์ทุกพื้นที่อย่างใกล้ชิด และรายงานผลการดำเนินงานให้รัฐบาลทราบอย่างต่อเนื่อง