วันที่ 8 สิงหาคม 2568 นายวิทยา นีติธรรม ผู้ช่วยเลขาธิการ ปปง. และโฆษกประจำสำนักงาน ปปง. แถลงผลการประชุมคณะกรรมการธุรกรรม ครั้งที่ 8/2568 และครั้งที่ 9/2568 ซึ่งมีนายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการ ปปง. เป็นกรรมการและเลขานุการ โดยคณะกรรมการธุรกรรมมีมติให้ดำเนินการกับทรัพย์สินในความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน การฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ และการพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น สรุปผลการดำเนินการที่น่าสนใจ ดังนี้
1. ยึดและอายัดทรัพย์สิน จำนวน 53 รายคดี ทรัพย์สิน 1,515 รายการ พร้อมดอกผล มูลค่าประมาณ 1,271 ล้านบาท โดยเป็นทรัพย์สินในคดีสำคัญเกี่ยวกับความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการลักลอบหนีศุลกากร การฉ้อโกงประชาชนหรือการฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ และการพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยมีข้อมูลรายคดีสำคัญ ดังนี้
– รายคดี นายศุภกรฯ กับพวก กรณีความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการลักลอบหนีศุลกากร สืบเนื่องจากการจับกุมผู้จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าผ่านทางร้านค้าออนไลน์ และมีการขยายผลตรวจสอบขบวนการลักลอบนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า พบของกลางบุหรี่ไฟฟ้าพร้อมอุปกรณ์จำนวนมากซุกซ่อนในโกดัง และตรวจสอบเส้นทางการเงินพบบัญชีเงินฝากที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด โดยคณะกรรมการธุรกรรมมีคำสั่งให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับ การกระทำความผิด จำนวน 6 รายการ (เช่น ยานพาหนะ และเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร) รวมมูลค่าประมาณ 21 ล้านบาท (คำสั่ง ย.170/2568)
– รายคดี นายปวันฯ กับพวก พฤติการณ์ความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการลักลอบหนีศุลกากร กรณีการขนเงินสดผ่านแดน เชื่อมโยงทรัพย์สินจากขบวนการค้ายาเสพติด และการพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีการลักลอบขนเงินสดจากประเทศกัมพูชา นำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยฝ่าฝืนหรือมิได้แจ้งรายการผ่านทางด่านศุลกากรอรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว โดยคณะกรรมการธุรกรรมมีคำสั่งให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับ การกระทำความผิด จำนวน 6 รายการ (เช่น เงินสด และเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร) รวมมูลค่าประมาณ 15 ล้านบาท (คำสั่ง ย.166/2568)
– รายคดี นายบุญฯ กับพวก (หมอบุญ) กรณีความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชนฯ ความผิดเกี่ยวกับการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงฯ อันมีลักษณะเป็นปกติธุระ พฤติการณ์จากการอาศัยความน่าเชื่อถือเกี่ยวกับกิจการโรงพยาบาล นำเสนอแผนการระดมเงินทุน มีเจตนาหลอกลวงประชาชนที่หวังจะได้รับเงินตอบแทนในอัตราสูง โดยคณะกรรมการธุรกรรมมีคำสั่งให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 370 รายการ (เช่น เงินสด ที่ดิน หุ้น ยานพาหนะ เงินในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์และเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร) รวมมูลค่าประมาณ 362 ล้านบาท (คำสั่ง ย.159/2568)
– รายคดี นายสมเกียรติฯ กับพวก กรณีความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการลักทรัพย์ฯ อันมีลักษณะเป็นปกติธุระ ในการนี้ คณะกรรมการธุรกรรมมีคำสั่งให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 17 รายการ (เช่น ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ห้องชุด และเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร) รวมมูลค่าประมาณ 55 ล้านบาท (คำสั่ง ย. 135/2568)
– รายคดี บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด กับพวก คณะกรรมการธุรกรรม มีคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดในกรณีดังกล่าวแล้วรวม 5 คำสั่ง รวมทรัพย์สินที่ดำเนินการ 165 รายการ ราคาประเมินประมาณ 450 ล้านบาท และส่งเรื่องให้พนักงานอัยการพิจารณายื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเกี่ยวกับทรัพย์สินดังกล่าว รวม 2 สำนวนคดี ตามคดีหมายเลขดำที่ ฟ.3/2568 และหมายเลขดำที่ ฟ.54/2568 ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาศาลแพ่ง โดยคณะกรรมการธุรกรรมมีมติส่งเรื่องให้พนักงานอัยการเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน จำนวน 207 รายการ (เช่น รถยนต์ เงินสด สินค้าแบรนด์เนม อาวุธปืน ทองรูปพรรณ เครื่องประดับ) มูลค่าประมาณ 171 ล้านบาท (ย.122/2568) ทั้งนี้ ในการประชุม ครั้งที่ 9/2568 คณะกรรมการธุรกรรมมีมติให้ยึดทรัพย์สิน (เพิ่มเติม) จำนวน 26 รายการ (อสังหาริมทรัพย์) มูลค่าประมาณ 568 ล้านบาท (คำสั่ง ย.185/2568)
– รายคดี นางสาวสุนิสาฯ กับพวก ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการลักทรัพย์ และการยักยอกฯ อันมีลักษณะเป็นปกติธุระ กรณีดังกล่าวคณะกรรมการธุรกรรมมีคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินไว้แล้ว 4 ครั้ง รวมทรัพย์สินที่ดำเนินการ 120 รายการ มูลค่าประมาณ 30 ล้านบาท และส่งเรื่องให้พนักงานอัยการเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้นำทรัพย์สินไปคืนหรือชดใช้คืนผู้เสียหาย (กรณีคุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย) ในการพิจารณาครั้งนี้ คณะกรรมการธุรกรรมมีคำสั่งให้ยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด (เพิ่มเติม) จำนวน 40 รายการ (เช่น วัตถุโบราณ ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง) รวมมูลค่าประมาณ 12 ล้านบาท (คำสั่ง ย.186/2568)– รายคดี นายนพพรฯ กับพวก กรณีความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน โดยหลอกลวงผู้เสียหายให้ร่วมลงทุน ในการนี้ คณะกรรมการธุรกรรมมีคำสั่งให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับ การกระทำความผิด จำนวน 80 รายการ (เช่น เงินสด เครื่องประดับ รถยนต์ และเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร) รวมมูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท (มีทรัพย์สินบางส่วนอยู่ระหว่างการประเมินราคา) (คำสั่ง ย. 151/2568)
– รายคดี นายยี่แก้วฯ กับพวก กรณีความผิดมูลฐานเกี่ยวกับเป็นความผิดเกี่ยวกับ การพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ในการนี้ คณะกรรมการธุรกรรมมีคำสั่งให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 25 รายการ (เช่น ทองรูปพรรณ รถยนต์ ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง และเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร) รวมมูลค่าประมาณ 54 ล้านบาท (คำสั่ง ย. 136/2568)
– รายคดี กลุ่มบุคคลผู้ร่วมกันจัดให้มีการเล่นการพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (รายนายพิทยาฯ) กับพวก ในการนี้มีการยึดและอายัดทรัพย์สินไว้แล้ว 2 ครั้ง (คำสั่ง ย.7/2568 และ ย.127/2568) รวมทรัพย์สินที่ดำเนินการไปแล้ว 783 รายการ มูลค่ารวมประมาณ 189 ล้านบาท ในการนี้ พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดเพิ่มเติม คณะกรรมการธุรกรรม จึงมีคำสั่งให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด (เพิ่มเติม) จำนวน 89 รายการ (เช่น ห้องชุด และเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร) รวมมูลค่าประมาณ 26 ล้านบาท (คำสั่ง ย. 139/2568)
– รายคดี กลุ่มบุคคลผู้ร่วมกันจัดให้มีการเล่นการพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (ราย นายบัญฑิตฯ) กับพวก โดยชักชวนให้มีการเล่นการพนันโดยติดต่อผ่านแอปพลิเคชัน ไลน์ ชื่อบัญชี ร้าน เปา เปา ในการนี้ คณะกรรมการธุรกรรมมีคำสั่งให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 166 รายการ (เช่น เงินสด สินค้าแบรนด์เนม เครื่องประดับ วัตถุมงคล และเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร) รวมมูลค่าประมาณ 14 ล้านบาท (มีทรัพย์สินบางส่วนอยู่ระหว่างการประเมินราคา) (คำสั่ง ย. 148/2568)
2. ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน จำนวน 21 รายคดี ทรัพย์สินกว่า 979 รายการ มูลค่าประมาณ 821 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นทรัพย์สินเกี่ยวกับความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ และความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน โดยมีข้อมูลรายคดีสำคัญ ดังนี้
– รายคดี นายธัณย์ศรุตฯ กับพวก อันเป็นความผิดเกี่ยวกับการพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยคณะกรรมการธุรกรรมได้มีมติส่งเรื่องให้พนักงานอัยการ เพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน จำนวน 210 รายการ (เช่น เงินสด ทองรูปพรรณ รถยนต์ สินค้าแบรนด์เนม วัตถุมงคล และเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร) มูลค่าประมาณ 15 ล้านบาท (คำสั่ง ย.114/2568)
– รายคดี นางชยาวรรณฯ กับพวก ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน และการฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ กรณีการแอบอ้างให้สมัครเป็นสมาชิกของมูลนิธิต่างๆ เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ ด้วยการหลอกลวงว่าสามารถติดต่อขอรับงานประมูลหรือโครงการขนาดใหญ่ขององค์กรต่างๆ โดยคณะกรรมการธุรกรรมมีมติส่งเรื่องให้พนักงานอัยการเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน จำนวน 40 รายการ (เช่น ที่ดิน สินค้าแบรนด์เนม และเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร) มูลค่าประมาณ 14 ล้านบาท – รายคดี กลุ่มบุคคลผู้ร่วมกันจัดให้มีการเล่นการพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ รายนายพิทยาฯ กับพวก ซึ่งกรณีดังกล่าวมีทรัพย์สินที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลแพ่ง ในการพิจารณาครั้งนี้ คณะกรรมการธุรกรรมได้มีมติส่งเรื่องให้พนักงานอัยการ เพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน (เพิ่มเติม) จำนวน 41 (อสังหาริมทรัพย์) มูลค่าประมาณ 89 ล้านบาท (คำสั่ง ย.127/2568)
3. ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้นำทรัพย์สินไปคืนหรือชดใช้คืนผู้เสียหาย (คุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย) จำนวน 33 รายคดี ทรัพย์สินกว่า 537 รายการ มูลค่าประมาณ 522 ล้านบาท ในความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน ฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ โดยมีข้อมูลรายคดีสำคัญ คือ
– รายคดี นายชัยณรงค์ฯ กับพวก ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ การปลอมเอกสารสิทธิฯ การลักทรัพย์และการฉ้อโกงฯ อันมีลักษณะเป็นปกติธุระ กรณีการยักยอกทรัพย์ วัดเครือวัลย์วรวิหาร ในการนี้ คณะกรรมการธุรกรรมมีมติเห็นชอบให้ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้นำทรัพย์สินไปคืนหรือชดใช้คืนผู้เสียหาย (กรณีคุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย) โดยดำเนินการกับทรัพย์สิน 16 รายการ มูลค่าประมาณ 16 ล้านบาท (คำสั่ง ย.59/2568)
– รายคดี นางสาวเจียน หยวน ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน และความผิดฐานฟอกเงิน กรณีการหลอกลวงชักชวนร่วมลงทุน ในการนี้ คณะกรรมการธุรกรรมมีมติเห็นชอบให้ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้นำทรัพย์สินไปคืนหรือชดใช้คืนผู้เสียหาย (กรณีคุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย) โดยดำเนินการกับทรัพย์สิน 42 รายการ มูลค่าประมาณ 27 ล้านบาท (คำสั่ง ย.168/2567)
– รายคดี บริษัท เคทูเอ็นฯ กับพวก ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน และการฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ ในการนี้ คณะกรรมการธุรกรรมมีมติเห็นชอบให้ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้นำทรัพย์สินไปคืนหรือชดใช้คืนผู้เสียหาย (กรณีคุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย) โดยดำเนินการกับทรัพย์สิน 38 รายการ มูลค่าประมาณ 171 ล้านบาท (คำสั่ง ย.29/2568 และ ย.32/2568)
– รายคดี นางสาวสุนิสาฯ กับพวก ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการลักทรัพย์ และการยักยอกฯ อันมีลักษณะเป็นปกติธุระ ในการนี้ คณะกรรมการธุรกรรมมีมติเห็นชอบให้ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้นำทรัพย์สินไปคืนหรือชดใช้คืนผู้เสียหาย (กรณีคุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย) โดยดำเนินการกับทรัพย์สิน 120 รายการ มูลค่าประมาณ 30 ล้านบาท (คำสั่ง ย.251/2567 ย.2/2568 และ ย.112/2568)
– รายคดี นายภานุวัชรฯ กับพวก ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน ในการนี้ คณะกรรมการธุรกรรมมีมติเห็นชอบให้ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่ง ให้นำทรัพย์สินไปคืนหรือชดใช้คืนผู้เสียหาย (กรณีคุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย) โดยดำเนินการกับทรัพย์สิน 22 รายการ มูลค่าประมาณ 81 ล้านบาท (คำสั่ง ย.244/2567)