เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 ณ ห้อง Grand Ballroom โรงแรมศรีอู่ทองแกรนด์ จังหวัดสุพรรณบุรี นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง เป็นประธานเปิดการสัมมนาประจำปี 2568 ของคณะกรรมการธนาคารผลผลิตสัตว์น้ำแบบมีส่วนร่วมและเจ้าหน้าที่โครงการฯ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาฯ ได้แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ บทเรียนและประสบการณ์จากการดำเนินงานโครงการฯ ผ่านการบรรยายถ่ายทอดความรู้ นิทรรศการผลงาน เวทีการเสวนาแนวทางการบูรณาการภาครัฐและชุมชนเพื่อขับเคลื่อนโครงการฯ การศึกษาดูงานในพื้นที่จริง รวมทั้งการระดมความคิดแนวทางการนำต้นแบบของโครงการฯ ที่ประสบผลสำเร็จเพื่อพัฒนาต่อยอดและขยายผลโครงการอย่างยั่งยืน โดยมีนางฐิติพร หลาวประเสริฐ รองอธิบดีกรมประมง พร้อมด้วยผู้อำนวยการกองวิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด ประมงจังหวัด ผู้อำนวยการศูนย์และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงาน โดยการสัมมนาจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 – 1 สิงหาคม 2568
สำหรับโครงการธนาคารผลผลิตสัตว์น้ำแบบมีส่วนร่วม เป็นโครงการสำคัญของกรมประมง ที่ขับเคลื่อนตามนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยนายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้ชุมชนสามารถบริหารจัดการแหล่งน้ำในชุมชนของตัวเองให้เป็นแหล่งผลิตสัตว์น้ำ หรือ “ธนาคารสัตว์น้ำของชุมชน” สร้างรายได้ ลดรายจ่ายในครัวเรือนและเพิ่มความมั่นคงด้านอาหารให้แก่ประชาชนในชุมชนได้ ดำเนินการภายใต้การมีส่วนร่วมของชุมชนในทุกขั้นตอน ตั้งแต่ร่วมคิดวางแผน ดำเนินการ ติดตามผล และแบ่งบันร่วมรับผลประโยชน์ ภายใต้แนวคิด “ชุมชนทำ เจ้าหน้าที่ประมงเป็นพี่เลี้ยง” พร้อมบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยกรมประมงเน้นย้ำดำเนินการเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนและความยั่งยืนของโครงการ ตามสโลแกน “ไม่มีเรา เขาอยู่ได้”
การสัมมนาคณะกรรมการแหล่งน้ำและเจ้าหน้าที่โครงการฯ ได้จัดขึ้นทุกปี สำหรับการจัดสัมมนาในปี 2568 นี้ มีผู้เข้าร่วมสัมมนาฯ กว่า 140 คน จาก 35 จังหวัด ประกอบด้วย คณะกรรมการประจำแหล่งน้ำที่ร่วมโครงการในปี 2567 และ 2568 จากทั่วประเทศ และเจ้าหน้าที่กรมประมงที่รับผิดชอบโครงการฯ การสัมมนา มีเป้าหมายเพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์จากการดำเนินโครงการฯ โดยไฮไลต์สำคัญ ได้แก่ การบรรยายพิเศษโดยอธิบดีกรมประมง ในหัวข้อ “แนวทางการขับเคลื่อนโครงการธนาคารสัตว์น้ำชุมชน เสริมสร้างความมั่นคงด้านอาหาร สร้างรายได้อย่างยั่งยืนด้วยพลังของการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน” ภายใต้แนวคิดหลักในการจัดการทรัพยากร 3 ประการ ได้แก่ คืน สัตว์น้ำท้องถิ่นให้กลับคืนสู่แหล่งน้ำ คง การใช้ประโยชน์จากสัตว์น้ำอย่างยั่งยืน เพิ่ม ชนิดพันธุ์สัตว์น้ำ เพื่อเพิ่มผลผลิต เป็นแหล่งอาหารและสร้างรายได้ให้ชุมชน นอกจากนี้ ยังมีการบรรยายให้ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินโครงการฯ อาทิ การจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำในแหล่งน้ำชุมชนจากประสบการณ์สู่ความยั่งยืนและสร้างมูลค่า และเวทีเสวนาร่วมระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ในหัวข้อ “บทบาทของชุมชนและภาครัฐในการขับเคลื่อนโครงการให้มีประสิทธิภาพและยั่งยืน” ภายในงานยังมีนิทรรศการแสดงผลงานโครงการที่ดำเนินการในปี 2567 จาก 20 พื้นที่ทั่วประเทศ และกิจกรรมศึกษาดูงาน ณ แหล่งน้ำหนองรี อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี พร้อมการระดมความคิดเห็นผ่านการอภิปรายกลุ่มย่อย เพื่อหาแนวทางการต่อยอดและขยายผลโครงการสู่พื้นที่อื่นอย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้ กรมประมงดำเนินโครงการธนาคารผลผลิตสัตว์น้ำแบบมีส่วนร่วมมาตั้งแต่ปี 2560 ปัจจุบันมีพื้นที่เป้าหมายรวม 180 แห่ง ใน 51 จังหวัดทั่วประเทศ สำหรับปีงบประมาณ 2568 มีแผนดำเนินงานใน 60 แห่ง โดยเป็นพื้นที่ใหม่ 20 แห่ง และติดตามพื้นที่เดิม 40 แห่ง เพื่อสร้างความต่อเนื่องและยั่งยืน ตลอดระยะเวลากว่า 8 ปีที่ผ่านมา โครงการประสบผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน ชุมชนได้รับการพัฒนาทักษะและศักยภาพด้านการประมง สามารถบริหารจัดการแหล่งน้ำให้เป็นแหล่งผลิตสัตว์น้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“ธนาคารผลผลิตสัตว์น้ำแบบมีส่วนร่วม” เห็นผลชัด ช่วยสร้างรายได้หมุนเวียนในชุมชนกว่า 25 ล้านบาท จากแหล่งน้ำทั้ง 180 แห่ง มีคณะกรรมการแหล่งน้ำกว่า 3,370 ราย สมาชิกเข้าร่วมโครงการกว่า 12,964 ราย ลงหุ้นรวมกว่า 3.7 ล้านบาท ปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำเพิ่มผลผลิตกว่า 33.5 ล้านตัว จับสัตว์น้ำแล้วกว่า 584 ตัน สร้างรายได้เข้ากองทุนชุมชนกว่า 25 ล้านบาท และมีการจ่ายเงินปันผลคืนสมาชิกแล้วกว่า 2.62 ล้านบาท ก่อให้เกิดทุนหมุนเวียนที่เข้มแข็งและยั่งยืนในระดับชุมชน ส่งผลทำให้กรมประมงได้รับรางวัลเลิศรัฐ สาขาการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม 6 ปีซ้อน จำนวน 7 รางวัล ซึ่งเป็นรางวัลแห่งเกียรติยศที่มอบให้หน่วยงานภาครัฐที่มีผลงานเชิงประจักษ์ในการพัฒนาระบบงานในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชน
“การสัมมนาครั้งนี้ เป็นเวทีสำคัญในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และองค์ความรู้จากการดำเนินโครงการที่ผ่านมา กรมประมงหวังว่าผู้เข้าร่วมจะได้รับความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการบริหารจัดการแหล่งน้ำชุมชน เพื่อการประมงแบบมีส่วนร่วม และสามารถนำแนวทางการบริหารกองทุนและรูปแบบความสำเร็จ (Best Practices) ไปขยายผลในพื้นที่อื่นได้ นอกจากนี้ ยังเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งของเครือข่ายคณะกรรมการธนาคารสัตว์น้ำทั่วประเทศ ให้เป็นช่องทางในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสานความร่วมมือ ซึ่งจะช่วยผลักดันให้โครงการเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม และเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ เสริมเศรษฐกิจและสังคมของชุมชนอย่างยั่งยืน” นายบัญชา กล่าว