ก.ย.62 มีการอนุญาตให้ต่างชาติลงทุนในไทย 18 ราย มีเงินลงทุนที่ใช้ในการประกอบธุรกิจ 470 ล้านบาท จ้างงานคนไทย 428 คน

นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวเปิดเผยว่า ในการประชุมของคณะกรรมการฯ เมื่อวันศุกร์ที่ 20 กันยายน 2562 คณะกรรมการฯ ได้อนุญาตให้คนต่างชาติ 18 ราย ประกอบธุรกิจในประเทศไทย โดยส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติจากประเทศญี่ปุ่น สิงคโปร์ และฮ่องกง ซึ่งมีการนำเงินเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจกว่า 470 ล้านบาท และส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานคนไทย 428 คน รวมถึงมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านโดยตรงจากประเทศผู้เข้ามาลงทุน

การอนุญาตให้ประกอบธุรกิจในครั้งนี้จะมีผลให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นวิทยาการซึ่งเป็นองค์ความรู้ในแขนงที่คนไทยยังไม่มีความชำนาญหรือมีความเชี่ยวชาญในระดับที่ไม่สูงมากนัก เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับวิศวกรรมและขั้นตอนในการรื้อถอนโครงสร้างแท่นขุดเจาะก๊าซธรรมชาติในทะเล  องค์ความรู้เกี่ยวกับ การควบคุมหลุมเจาะปิโตรเลียมและความปลอดภัยนอกชายฝั่ง  องค์ความรู้เกี่ยวกับการออกแบบระบบไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของระบบประตูกั้นชานชาลาแบบครึ่งความสูง  องค์ความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาระบบซอฟต์แวร์แบบอไจล์(Agile Overview) องค์ความรู้เกี่ยวกับระบบอวกาศ เป็นต้น

สำหรับธุรกิจที่คนต่างด้าวได้รับอนุญาต ได้แก่

1.ธุรกิจบริการให้แก่บริษัทในเครือ/ในกลุ่ม จำนวน 6 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น ฮ่องกงและสิงคโปร์ มีเงินลงทุนจำนวน 208 ล้านบาท อาทิ

  • บริการให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
  • การทำกิจการบริการทางบัญชี
  • บริการให้คำปรึกษาแนะนำและตรวจสอบระบบการทำงานภายในองค์กร
  • บริการรับจ้างทำฟันปลอมแบบครอบฟัน (Zirconia Crown)
  • บริการให้กู้ยืมเงิน

2.ธุรกิจบริการให้แก่ลูกค้า จำนวน 5 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจากประเทศสิงคโปร์ บริติชเวอร์จิ้น และญี่ปุ่น มีเงินลงทุนจำนวน 65 ล้านบาท อาทิ

  • บริการให้ใช้ระบบสำหรับการจ้างงานผ่านเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่น
  • บริการเป็นผู้ให้บริการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์
  • บริการให้ใช้ช่วงสิทธิ์โปรแกรมเพื่อการบริหารจัดการมูลค่าหนี้สิน
  • บริการให้เช่าแบบลีสซิ่งเครื่องอัลตร้าซาวนด์ พร้อมอุปกรณ์ กล้องตรวจจับการรั่วไหลของก๊าซ

3.ธุรกิจค้าปลีก/ค้าส่ง จำนวน 2 ราย โดยเป็นนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น และสเปน มีเงินลงทุนจำนวน 24 ล้านบาท คือ

  • การค้าปลีกแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์
  • การค้าส่งสารที่เติมลงในอาหารคนและอาหารสัตว์

4.ธุรกิจบริการเป็นคู่สัญญาเอกชน จำนวน 5 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจากประเทศฮ่องกง และฝรั่งเศส และจีน มีเงินลงทุนจำนวน 173 ล้านบาท คือ

  • บริการขุดเจาะปิโตรเลียม
  • บริการออกแบบทางวิศวกรรม บริหารจัดการโครงการรื้อถอนแท่นขุดเจาะก๊าซธรรมชาติในทะเล
  • บริการให้คำปรึกษาแนะนำและกำกับดูแลด้านวิศวกรรมสำหรับโครงการกำจัดกากอุตสาหกรรมและหน่วยผลิตไฟฟ้า
  • บริการออกแบบ จัดซื้อ จัดหา ติดตั้ง ตรวจสอบ ทดสอบ และบริหารจัดการโครงการประตูกั้นชานชาลาแบบครึ่งความสูง
  • บริการติดตั้ง ตรวจสอบ ทดสอบระบบ บำรุงรักษา รวมถึงฝึกอบรมและให้การสนับสนุนทางเทคนิคพัฒนาดาวเทียมสำรวจทรัพยากร

ทั้งนี้ ในเดือนกันยายน 2562 จำนวนธุรกิจที่ได้รับอนุญาตเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 5 ราย คิดเป็นร้อยละ 38ในขณะที่เงินลงทุนลดลง 4,742 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 91 เนื่องจากในเดือนสิงหาคม 2562 มีผู้ได้รับอนุญาต ให้ประกอบธุรกิจซึ่งต้องใช้เงินลงทุนสูง คือ บริการออกแบบทางวิศวกรรม และบริหารจัดการโครงการปลดประจำการเรือผลิตและเก็บปิโตรเลียม บริการออกแบบ จัดหา ก่อสร้าง ติดตั้งและทดสอบเครื่องมือและอุปกรณ์สำหรับโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตเม็ดพลาสติกชนิดโพลีโพรพิลีน เป็นต้น

อนึ่งในเดือนมกราคม – กันยายน 2562 คนต่างด้าวได้รับใบอนุญาต จำนวน 155 ราย มีเงินลงทุนทั้งสิ้น 21,644  ล้านบาท และเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนปรากฏว่าจำนวนธุรกิจที่ได้รับอนุญาตลดลง 42 ราย คิดเป็นร้อยละ 21  ขณะที่เงินลงทุนเพิ่มขึ้น 12,864 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 147 เนื่องจากในปี 62 มีต่างชาติลงทุนประกอบธุรกิจที่ต้องใช้เงินลงทุนสูง อาทิ  บริการงานวิศวกรรม การจัดหา ติดตั้ง และทดสอบการใช้งานของระบบเครื่องบดดินหรือหินกึ่งเคลื่อนที่โครงการโรงไฟฟ้า บริการออกแบบ จัดซื้อจัดหา ติดตั้ง ตรวจสอบ รวมทั้งการแก้ไขความชำรุดบกพร่องและบำรุงรักษาโครงการรถไฟฟ้ามหานครสายสีน้ำเงิน  บริการออกแบบทางวิศวกรรม และ บริหารจัดการโครงการปลดประจำการเรือผลิตและเก็บปิโตรเลียม  บริการติดตั้ง ตรวจสอบ ทดสอบระบบและให้การสนับสนุนทางเทคนิคดาวเทียมสำรวจทรัพยากร เป็นต้น

…………………………………..

ที่มา : กองบริหารการประกอบธุรกิจของชาวต่างชาติ